ไม่พบผลการค้นหา
'ชาลี ชักกุย' หมีควายแสนรู้ อุทยานแห่งชาติกรุยบุรี ดับคากรง เหตุจาก 'กระเพาะอาหารทะลุ- ลำไส้อักเสบ' อุทยานฯเตรียมฝังซากวันพรุ่งนี้

วันนี้ (19 ธ.ค.2560) นายกาญจนพันธ์ คำแหง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เปิดเผยว่า วานนี้ (18 ธ.ค.) ช่วงเวลา 19.00 น. "ชาลี ชักกุย” หมีควายเพศผู้ อายุ 3 ปี ตายภายในกรงเลี้ยงหลังอุทยาน โดยช่วง 18.30 น.เริ่มมีอาการน้ำลายยืดและวิ่งพล่าน ก่อนจะหยุดนิ่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามปั๊มหัวใจ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตได้

จากนั้นส่งผ่าพิสูจน์ที่โรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หัวหิน และสัตวแพทย์แจ้งว่า สาเหตุการตายของชาลี ชักกุย เกิดจากกระเพาะอาหารอักเสบและลำไส้อักเสบ ซึ่งเป็นอาการที่สะสมมาเป็นระยะเวลานาน ไม่ได้เกิดจากสัตว์มีพิษกัด โดยเจ้าหน้าที่จะนำซากของหมีควายกลับมาที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เพื่อฝังซากในวันพรุ่งนี้ (20 ธ.ค.)

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้นช่วงเที่ยง เจ้าหน้าที่ยังถ่ายรูปชักกุยปกติ เขากินข้าว กินน้ำ กินยา และมีอาการปกติ จนกระทั่งช่วงค่ำมีอาการน้ำลายยืดและวิ่งพล่าน พยายามปั๊มหัวใจแล้ว แต่ไม่ฟื้น

นายชาตรี จันทร์วีระชัย นายอำเภอกุยบุรี ได้รับรายงานว่าจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ว่า "ชาลี ชักกุย" หมีควายแสนรู้ อายุ 2 ปี 10 เดือน ตายภายในกรงเลี้ยงหลังอุทยานแห่งชาติกุยบุรีเมื่อคืนนี้ เมื่อนายอำเภอเดินทางมาถึงสำนักงานอุทยานฯได้รุดไปตรวจสอบบริเวณกรงที่หมีควายชักกุยอาศัยอยู่ แต่ไม่พบตัวหมีแต่อย่าง ซึ่งทราบว่าเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีได้นำซากหมีควาย ชักกุย ไปโรงพยาบาลสัตว์หัวหินตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

หมีควายชาลี7.jpg


ด้าน นายปณิธาน พินิตปวงชน นักวิชาการป่าไม้ ผู้ดูแลหมีควายชาลี ชักกุย กล่าวว่า เวลาปกติจะให้อาหารหมีตั้งแต่เวลา 19.00 น.ทุกวัน เจ้าหน้าที่ก็จะนั่งดูแลกันตามปกติ หลังจากให้อาหารและให้ยากันชักได้ประมาณ 10 นาที ก็สังเกตเห็นที่ปากหมีมีน้ำลายไหลฟูมปาก เดินกระวนกระวายรอบกรง บางครั้งก็วิ่ง

นายปณิธาน กล่าวว่า สังเกตุเห็นความผิดปกติจึงได้โทรศัพท์ติดต่อกับสัตวแพทย์โรงพยาบาลสัตว์หัวหินที่ดูแลหมีอยู่และสัตว์แพทย์จากกรมบอกถึงอาการ ซึ่งสัตว์แพทย์ได้ให้คอยสังเกตอาการและแนะนำให้เจ้าหน้าที่ให้เอายาแก้แพ้ให้หมีกิน แต่คิดว่าพึ่งจะให้อาหารและยาไปไม่นานคงจะลำบาก ไม่นานหมีก็หมดแรงนอนฟุบลงกับพื้น เจ้าหน้าที่เห็นจึงได้วิ่งเข้าไปดู ขณะนั้นหมีมีอาการหายใจช้าลงและหยุดหายใจ จึงได้ช่วยปั๊มหัวใจอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงแต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตได้

จากนั้นจึงปรึกษาสัตวแพทย์ได้รับคำแนะนำให้เอาซากหมีมาเพื่อตรวจสอบสาเหตุการตาย เบื้องต้นหลังสัตวแพทย์ผ่าพิสูจน์พบว่าที่หัวใจมีน้ำอยู่ ซึ่งอาการแบบนี้ไม่เคยพบ และที่กระเพาะอาหารมีแผล หรือสาเหตุจะตายด้วยอาการของโรคที่ไม่แสดงอาการก็น่าจะเป็นไปได้ และเจ้าหน้าที่จะนำซากหมีควายชักกุย มาฝังบริเวณที่อยู่ของหมีต่อไป

   

หมีควายชาลี5.jpg

ภาพโดย อุทยานแห่งชาติกรุยบุรี