นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะผู้บริหารกระทรวงพลังงานได้หารือเกี่ยวกับการเดินหน้าเปิดการประมูลแหล่งเอราวัณ-บงกช ว่า เรื่องนี้มีความสำคัญต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ เนื่องจากแหล่งปิโตรเลียมทั้ง 2 แหล่งเป็นแหล่งพลังงานหลักที่สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้มากกว่าร้อยละ 70 ของประเทศ และกำลังสิ้นสุดอายุสัมปทานในปี 2565 ซึ่งเมื่อสิ้นอายุสัมปทานแล้วไม่สามารถต่ออายุกับผู้ดำเนินงานรายเดิมได้อีก ตามแผนงานเดิมต้องดำเนินงานให้ได้ผู้ประกอบการรายใหม่ให้แล้วเสร็จก่อน 5 ปีสุดท้าย ก่อนสิ้นอายุสัมปทานในปี 2565
ขณะนี้ เหลือเวลาเพียงแค่ 3 ปี และในปี 2563 จะต้องเลือกแท่นที่มีศักยภาพในการดำเนินงานและทำการส่งมอบให้ผู้ประกอบการที่ดำเนินการต่อ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 278 แท่น จึงถือว่าเป็นเรื่องที่จะต้องทำให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นอายุสัมปทาน หากล่าช้าไปกว่านี้จะทำให้ไม่สามารถส่งมอบทรัพย์สินให้ผู้ประกอบการที่มาดำเนินการต่อได้ทันเวลา และวันที่ 25 ก.ย. 2561 นี้เป็นเพียงวันที่รับมอบข้อเสนอเท่านั้น
ส่วนระบบสัญญา PSC ที่นำมาใช้ในการประมูลครั้งนี้ได้มีการศึกษา โดยพิจารณาอย่างรอบคอบ และได้ทำการชี้แจงมาโดยตลอด
ดังนั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างสูงสุด กระทรวงพลังงานจึงต้องเดินหน้ารับข้อเสนอการประมูลในระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิตตามกำหนดการที่ได้ประกาศไว้
ส่วนในวันที่ 25 ก.ย. 2561 นี้ กำหนดให้ผู้ที่มีสิทธิเข้าร่วมการประมูลที่ผ่านหลักเกณฑ์ตามขั้นตอนต่าง ๆ เข้ายื่นแผนการดำเนินงาน งบประมาณการลงทุน ข้อเสนอทางด้านเทคนิค และผลประโยชน์ตอบแทนรัฐ ตามเงื่อนไขหลักสำคัญที่ระบุไว้ ในTOR เพื่อการได้รับคัดเลือกเป็นผู้ดำเนินการสำรวจ พัฒนาและผลิตก๊าซธรรมชาติ ร่วมกับภาครัฐให้เกิดความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ โดยจะต้องยื่นเอกสารจำนวน 4 ซองด้วยกันประกอบด้วย
ซองที่ 1 เป็นซองด้านคุณสมบัติของผู้ประกอบการปิโตรตามกฎหมาย
ซองที่ 2 การยอมรับเงื่อนไขให้ภาครัฐเข้าร่วมในสัดส่วนร้อยละ 25
ซองที่ 3 ข้อเสนอทางเทคนิค ซึ่งประกอบด้วยแผนการลงทุน แผนการพัฒนาแหล่ง แผนช่วงรอยต่อ และแผนบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม
ซองที่ 4 ซองด้านผลประโยชน์ตอบแทนรัฐ
ภายหลังจากยื่นซองแล้วจะใช้เวลาพิจารณา 2 เดือน และคาดว่าจะสามารถนำเสนอคณะกรรมการปิโตรเลียมได้ในปลายเดือนพฤศจิกายน 2561
อย่างไรก็ดี กระทรวงพลังงานได้เตรียมความพร้อมทั้งบุคลากร และขั้นตอนการดำเนินการ จึงขอให้ประชาชนทุกคนมั่นใจได้ว่า กระทรวงพลังงานจะดำเนินการทุกขั้นตอน อย่างโปร่งใส และยึดมั่นในผลประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก และได้ดำเนินการตามขั้นตอนตามข้อกฎหมายที่กำหนดไว้ และมีการเปิดเผยทุกขั้นตอนต่อสาธารณชนผ่านสื่อ และเว็บไซต์ของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติมาโดยตลอด โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ประเทศและประชาชนมีก๊าซธรรมชาติจากแหล่งพลังงานในประเทศใช้อย่างต่อเนื่องในราคาที่ไม่แพง เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ