ไม่พบผลการค้นหา
พรรคอนาคตใหม่ได้เปิดตัวอย่างสวยงาม เป็นกระแสที่คนพูดถึงตลอดทั้งวันว่าอาจเป็นความหวังของการเมืองไทย เพราะมีแนวทางที่แตกต่างจากพรรคใหญ่ทั้ง 2 พรรคอย่างชัดเจน แต่พรรคน้องใหม่ก็ยังมีเรื่องที่ต้องระวังอยู่หลายเรื่อง เพื่อไม่ให้พลาดหนักเหมือนคนรุ่นใหม่ของฮ่องกง

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ 'พรรคอนาคตใหม่' เป็นพรรคที่อยู่ในหน้าสื่อตลอดในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เพราะเป็นพรรคใหม่มาแรง แกนนำพรรคอายุน้อย หน้าตาดี คนสนใจเยอะ โดยเฉพาะบนโลกโซเชียลมีเดีย มีอุดมการณ์รักประชาธิปไตย แต่เป็นคนละค่ายกับพรรคเพื่อไทย ปัจจัยทั้งหมดนี้ทำให้ข่าวของพรรคนี้ขายได้

แต่ในฐานะผู้มีสิทธิเลือกตั้ง พรรคนี้ยังมีหลายประเด็นที่น่าตั้งข้อกังขาว่าพรรคการเมืองใหม่ ประวัติสะอาด ไร้มลทินจาก 'การเมืองสกปรก' ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จะเป็นความหวังที่ไม่มอดไหม้ไปในภายหลังจริงหรือไม่ และความไร้เดียงสาทางการเมืองที่เป็นจุดเด่นของพรรคนี้ เป็นข้อได้เปรียบหรือเสียเปรียบในการทางเมืองกันแน่

บางคนอาจจะรู้สึกว่าทำไมถึงรีบวิจารณ์กัน พรรคอนาคตใหม่ยังไม่มีสถานะเป็นพรรคการเมืองด้วยซ้ำ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนขอจดจองชื่อพรรค ต้องรอ กกต.อนุมัติ ยังจัดประชุมพรรคไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่การวิจารณ์นั้นก็เป็นเพียงเสียงสะท้อนที่จะช่วยให้คนทำงานได้รู้ว่าภาพลักษณ์ที่คุณกำลังสร้าง ข้อความทางการเมืองที่คุณกำลังส่ง เมื่อถึงมือผู้รับแล้วเป็นอย่างไรบ้าง

ในฐานะที่ติดตามการเมืองฮ่องกงอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่มีการปฏิวัติร่มในปี 2014 นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าการเมืองไทยและฮ่องกงมีความคล้ายคลึงกันมากๆ เพราะพรรคอนาคตใหม่ได้ทำให้นึกถึงการเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่ในฮ่องกงอย่างมาก แต่ตอนนี้คนรุ่นใหม่ในฮ่องกงกำลังตกที่นั่งลำบาก เมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับความเป็นจริงที่โหดร้ายของการเมือง

ขออธิบายสำหรับคนที่ไม่ได้ตามการเมืองฮ่องกงนัก ขบวนการอ็อคคิวพายเซนทรัลเกิดจากอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ต้องการเรียกร้องสิทธิในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ฮ่องกงโดยที่จีนไม่ต้องมาสกรีนว่าผู้สมัครต้องจงรักภักดีต่อจีนแผ่นดินใหญ่ คนรุ่นใหม่ถูกใจแนวคิดนี้มาก ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่นักศึกษาและนักเรียนออกมาร่วมชุมนุมปิดถนน โดยตั้งใจว่าขบวนการนี้จะไม่มีแกนนำมากำหนดทิศทางในการชุมนุม เพื่อแสดงถึงเจตจำนงเสรีของคนรุ่นใหม่ แต่ในทางปฏิบัติ เวลาสื่อจะสัมภาษณ์ก็ไปสัมภาษณ์โจชัว หว่อง, นาธาน เหลา, อเล็กซ์ เจา, เลสเตอร์ ชุม เป็นต้น

สุดท้ายฝ่ายประชาธิปไตยฮ่องกงก็ได้เรียนรู้ว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีแกนนำ ที่สำคัญก็คือต้องมียุทธศาสตร์ จึงได้ตั้งพรรคเดโมซิสโต พรรคเดโมเครติก เป็นต้น


พรรคอนาคตใหม่

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และปิยบุตร แสงกนกกุล ก็ได้ให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้ว่าพรรคอนาคตใหม่จะเป็นพรรคของทุกคน ไม่ใช่พรรคของใครคนใดคนหนึ่งหรือตระกูลหนึ่ง เงินทุนก็จะระดมทุนเอา เพราะฉะนั้นก็จะไม่มี 'นายใหญ่' เป็นไปในทิศทางเดียวกับจุดยืนการสนับสนุนการกระจายอำนาจ และเปิดกว้างทางข้อมูล (ของรัฐ) และปฏิเสธทุกอย่างที่เป็น 'อประชาธิปไตย' รวมถึงนายกฯ คนนอกด้วย

การเปิดตัวของธนาธรและปิยบุตรถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในแง่กระแสและภาพลักษณ์ความแตกต่าง แต่คนก็ยังไม่มั่นใจว่าสุดท้ายแล้ว ธนาธรจะมาเป็น 'ทักษิณคนใหม่' หรือไม่ ทุกคนจึงตั้งตารอการเปิดตัวทีมงานของธนาธร

รายชื่อ 'เพื่อนธนาธร' ถูกเปิดขึ้นมาครั้งแรกในเว็บประชาไท เป็นประวัติและวิสัยทัศน์อย่างย่อของแต่ละคน ซึ่งหลายคนเป็นฮิปสเตอร์ นักวิชาการและนักกิจกรรมที่ทำงานในประเด็นทางสังคมที่หลากหลาย เสียงตอบรับก็ค่อนข้างดีว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ในประเด็นที่นักการเมืองรุ่นเก่าคงจะไม่เข้าใจ ถือเป็นการเปิดตัวคนรุ่นใหม่ในพรรคที่มี 'ความสด' อยู่ แต่เมื่อถึงเวลา 'กินกาแฟกับธนาธร' เปิดรายชื่อผู้ร่วมก่อตั้งพรรคออกมาแล้วพบว่ามี 'เพื่อนธนาธร' กลุ่มแรกที่เปิดตัวไปในประชาไทแล้ว กับคนที่ก็ดูเป็นเครือข่ายเดียวกันกับกลุ่มแรก จนอดกังขาหนักๆ ไม่ได้ว่านี่คือคนทำงานของพรรคนี้จริงๆ หรือ?

เราไม่ได้กังขาเรื่องอายุ เรากังขาเรื่องความเป็นนักวิชาการ นักกิจกรรมและ NGO ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นอาชีพที่ไม่ได้ทำงานกับคนเยอะขนาดนั้น ต่อให้เยอะก็จะเป็นคนกลุ่มเดิมๆ อยู่ดี อันที่จริงเราเห็นความพยายามอย่างมากที่จะให้มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา และเพศ ซึ่งโดยเปรียบเทียบแล้ว มันก็หลากหลายกว่าพรรคอื่นจริง แต่เป็นความหลากหลายที่ดูประดิษฐ์ เหมือนตั้งโควต้าเอาไว้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็ดูจะล้าหลังมากกว่าก้าวหน้า

คนอื่นอาจจะมองว่าแต่ละคนในรายชื่อนี้มีความถนัดที่หลากหลายดี แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่า คนที่เปิดชื่อมาตอนนี้มีแต่คนวงเดียวกัน วนเวียนอยู่กับ NGO นักวิชาการและฮิปสเตอร์ ซึ่งไม่ใช่ไม่ดี แต่มันยังไม่หลากหลายพอ

แม้จะมีผู้หญิงเยอะ บางคนทำเรื่องการศึกษา เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่ต้องยอมรับว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ทำเรื่องเพศกันเป็นหลัก เพียงแต่คนละมุม แต่เราต้องการความหลากหลายทางเพศที่ไม่ใช่แค่เพศ หรือทำเรื่องเพศ แต่เราอยากเห็นผู้หญิงที่เก่งเรื่องเศรษฐศาสตร์ เกย์ที่รู้เรื่องความมั่นคง คนข้ามเพศที่มีวิสัยทัศน์เรื่องคมนาคม นี่คือความหลากหลายทางเพศที่เราอยากจะเห็น

เราไม่มีปัญหาเรื่องที่คนเหล่านี้ไม่มีประสบการณ์การเมือง และการไม่ประสีประสาทางการเมืองก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่เป็นข้อเสียเปรียบของพรรคเองที่จะวางยุทธศาสตร์หาเสียงได้ไม่ดีพอ ซึ่งพรรคอนาคตใหม่จะต้องตระหนัก ศึกษากรณีตัวอย่าง แล้วหาทางอุดช่องโหว่ ไม่เช่นนั้นจะเหมือนกับเด็กๆ ที่ฮ่องกง


ฮ่องกง

เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ฝ่ายประชาธิปไตยฮ่องกงแพ้การเลือกตั้งแบบย่อยยับ ไม่ได้ย่อยยับแค่เรื่องคะแนน แต่ย่อยยับทางยุทธศาสตร์แบบที่อาจส่งผลกระทบต่อการต่อสู้ในระยะยาวของฝ่ายประชาธิปไตยเลยทีเดียว โดยบทวิเคราะห์ที่เคยรวบรวมไว้กล่าวว่าความผิดพลาดใหญ่ของฝ่ายประชาธิปไตยฮ่องกง ก็คือ คุณพูดแต่เรื่องอุดมการณ์ ตีตลาดชนชั้นกลางมีการศึกษา แต่ไม่สามารถทำให้ชนชั้นล่างที่มีจำนวนมากเข้าใจสิ่งที่คุณต้องการจะผลักดันไม่ได้ หรือไม่เห็นประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม

บทวิเคราะห์ความพ่ายแพ้ของฝ่ายประชาธิปไตยฮ่องกงมองว่า ความพ่ายแพ้ที่ย่อยยับที่สุดของการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมาก็คือความพ่ายแพ้ของนายเอ็ดเวิร์ด หยิ่ว ที่ฮิปสเตอร์มาก เสนอนโยบายแหวกแนว ใช้วิธีหาเสียงด้วยการปั่นจักรยานหาเสียงเอาใจฮิปสเตอร์ แทนการไปเดินเคาะประตูในการเคหะ เพื่อนำเสนอนโยบายต่อชนชั้นล่าง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพราะพวกเขาไม่ประสีประสาทางการเมือง จึงวางยุทธศาสตร์หาเสียงพลาด เพราะการเจาะกลุ่มฮิปสเตอร์ทำให้คุณได้ใจคนสัก 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถ้าคุณเป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เสียง 10 เปอร์เซ็นต์นี้ก็มีค่า แต่เมื่อลงสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต เสียงคนส่วนนี้ไม่ได้ช่วยให้คุณชนะการเลือกตั้ง

อันที่จริงเรื่องนี้ก็ยังตัดสินพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้ในตอนนี้ เพราะติดคำสั่ง คสช. ยังเปิดนโยบายไม่ได้ ยังประชุมพรรคไม่ได้ ลงพื้นที่ไม่ได้ และเชื่อว่าพรรคนี้ก็คงไม่หาเสียงแบบฮิปสเตอร์ขนาดนั้น แต่ถ้ามีคนทำจริงๆ ก็ไม่แปลกใจ เพราะรายชื่อที่เปิดมาทำให้คิดว่าพรรคนี้ฮิปสเตอร์มากและทำกิจกรรมลงพื้นที่แบบนักกิจกรรมต่างๆ ซึ่งคนที่เขาจะตัดสินพรรคอนาคตใหม่จากชื่อผู้ก่อตั้งพรรค เขาก็ไม่ได้ผิด เพราะ 'ความประทับใจแรก' เป็นสิ่งสำคัญ

เรารู้ว่าพรรคการเมืองก็ต้องมีคนทำยุทธศาสตร์ และเขาคงไม่ได้ไร้เดียงสาทางการเมืองมากขนาดนั้น และคงมีคนมีประสบการณ์ที่ยังไม่ได้เปิดตัว เพราะกลัวหน้าช้ำ แต่เมื่อคุณเลือกใช้ยุทธศาสตร์เปิดหน้าคนที่ไม่มีประวัติทางการเมืองและทำงานในวงแคบ แทนการเปิดรายชื่อคนทำงานหรือที่ปรึกษาที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสบการณ์และวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล เพื่อแสดงให้เห็นว่านี่คือการเมืองใหม่ คุณก็ต้องยอมรับผลว่าคนอื่นอาจจะไม่เชื่อถือพรรคของคุณมากนัก

หากจะคิดแต่ว่าจะตีตลาดคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยเลือกตั้งมาก่อน และคนที่สนับสนุนประชาธิปไตย แต่ไม่อยากเลือกพรรคเพื่อไทยที่มีความเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา การเจาะคนเพียงกลุ่มเดียวจะช่วยให้ได้คะแนนเสียงมากน้อยแค่ไหน เป็นเรื่องที่ต้องมาวัดกัน

แต่หากมองไปที่ฮ่องกง ในการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติปี 2016 มีคนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งประมาณ 58 เปอร์เซ็นต์ แต่ครั้งล่าสุดมีอยู่ 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสันนิษฐานว่าคนรุ่นใหม่ "ไม่ออกไปเลือกตั้ง" การต่อสู้ในระยะยาวก็ลำบากขึ้นด้วย ฉะนั้น การหวังพึ่งฐานเสียงเพียงกลุ่มเดียวเป็นความเสี่ยงมหันต์


ธนาบุตร

ขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ 'ภาพลักษณ์' ของนักกิจกรรมและ NGO หลายคน ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นคนในรายชื่อที่เปิด คือกลุ่มคนที่ไม่เป็นมิตรกับใครเลย ไม่ถูกกันเอง ไม่มีวิธีสื่อสารกับประชาชนทั่วไป แถมบางคนยังตั้งป้อมเกลียดนักข่าวด้วย ทั้งที่ควรเป็นกลุ่มคนที่มีทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์และทักษะการสื่อสารสูงมาก ซึ่งเป็นภาพที่นักกิจกรรมและ NGO ยังสลัดไม่ออก แม้หลายคนจะทำงานใกล้ชิดกับชุมชนและทำงานกับคนมากมายก็เถอะ

และภาพตรงนี้มันทำให้คนไม่เชื่อมั่นว่าพรรคนี้จะสื่อสารกับคนอื่นๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ก็ต้องพิสูจน์ตัวเอง ทันทีที่ คสช.เปิดให้พูดถึงนโยบายและเปิดให้ลงพื้นที่พบปะประชาชน

ต้องยอมรับว่า การเมืองมันเป็นเรื่องของอารมณ์ เรื่องของภาพลักษณ์ คุณจะมองว่านี่เป็นการเมืองแบบเก่าๆ แต่การเมืองใหม่แบบฮ่องกงก็ยังต้องเข้ามาสู่การเมืองแบบดั้งเดิม ลงเลือกตั้งชิงเก้าอี้ในสภาเหมือนเดิม ไทยก็คงไม่ผิดแผกไปมากกว่านี้นัก ดังนั้น คุณจะมีอุดมการณ์ที่ดี มีแนวคิดการทำงานที่ดี แต่ถ้าไม่มียุทธศาสตร์การสื่อสารและแคมเปญที่ดี ความไร้เดียงสาทางการเมืองก็กลายเป็นสิ่งที่จะย้อนมาทำร้ายตัวเอง ตัวอย่างก็มีให้เห็นชัดเจนจากพรรคเดโมซิสโตและฝ่ายประชาธิปไตยของฮ่องกง

ความมั่นใจในตัวเองมากเกินไปที่สั่งสมมาจากโซเชียลมีเดียที่คัดแต่ความเห็นของเพื่อนมาให้เราเห็น ทำให้หลายคนหลงไปว่าโซเชียลมีเดียคือโลกจริง จนประสบกับ Post Truth เหมือนที่คนอังกฤษเจอตอนประชามติ Brexit คนอเมริกันที่พบว่าโดนัลด์ ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี คนรุ่นใหม่ของฮ่องกงที่พบว่าคะแนนสงสารไม่ช่วยอะไรอีกต่อไป เพราะความนิยมบนโซเชียลมีเดียไม่ได้หมายความว่าคุณจะประสบความสำเร็จในสนามการเลือกตั้ง 

ที่สำคัญ อุดมการณ์อย่างเดียวไม่เคยพอ ต้องมียุทธศาสตร์ที่ดีและเข้าถึงประชาชนให้ได้ ซึ่งต้องกระตุ้น คสช.ให้รีบอนุญาตให้เปิดนโยบายและลงพื้นที่ พรรคอนาคตใหม่จึงจะได้พิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นเห็นสักทีว่าพวกเขา "ไม่ได้มาเล่นๆ" และไม่ได้ถูกอวยเพียงเพราะคนเอือมระอากับพรรคการเมืองเดิมๆ