เอมี-อาเมเรีย จาคอป อดีตนางเอกชื่อดังจากละคร “ธิดาวานร” และอดีตมิสทีนไทยแลนด์ ปี 2006 พร้อมด้วยนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ หรือทนายตั้ม ได้แถลงข่าว ภายหลังจากเมื่อวานนี้ (28 ส.ค.61) ศาลจังหวัดมีนบุรี มีคำพิพากษายกฟ้องข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ให้ ให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 2 ปี โดยให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน และตรวจสารเสพติดจำเลยทุกครั้งที่มารายงานตัว รวมทั้งให้บำเพ็ญสาธารณะประโยชน์รวม 24 ชั่วโมง
นายษิทรา กล่าวว่า จากการที่เอมีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ได้ถูกแจ้ง 2 ข้อหา คือ ข้อหาเสพยา ซึ่งจำนวนยาในการเสพเป็นคนละจำนวนกับข้อหาเสพยาและจำหน่าย 70 กรัม ซึ่งเอมี รับสารภาพมาตลอดตั้งแต่วันแรกว่าเสพยา แต่ไม่ได้ค้ายา และได้สู้คดีมาโดยตลอด
โดยล่าสุดศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องในข้อหาค้ายา เพราะเอมีสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์โดยปราศจากข้อสงสัยให้ศาลได้ ว่าไม่ได้มีส่วนร่วมกับแฟนหนุ่มค้ายา โดยใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในการพิสูจน์
สำหรับในคดีเสพยา ศาลให้ไปรายงานตัวเป็นระยะ โดยหลังจากแถลงข่าวนี้เอมีก็จะต้องไปรายงานตัวที่กรมคุมประพฤติ นอกจากนี้เอมีจะไปทำงานเพื่อสังคม ช่วยโครงการพี่สอนน้อง โดยจะไปเล่าเรื่องราวประสบการณ์การหลงผิดไปเสพยาเป็นตัวอย่าง
ด้าน เอมี กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้ออกมา ตอนอยู่ในเรือนจำก็ไม่ได้สบาย รู้สึกคิดถึงแม่ ยอมรับว่าผิดจริงที่เสพยา แต่ก็จะไม่ทำอีกแล้ว ตอนที่รู้ว่าศาลตัดสินยกฟ้องรู้สึกใจหาย ตนยอมรับว่าเสพยาแต่ไม่ได้ค้ายา ตนอาจจะเป็นคนไม่ดีที่เสพยา แต่ไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นไปค้ายา หากย้อนไปวันที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ วันนั้นรู้สึกตกใจมาก เพราะไม่คิดว่าจะมีตำรวจมา อีกทั้งยังถูกรวมไปว่าเราร่วมจำหน่ายด้วย ซึ่งจริงๆแล้วเราไม่ได้จำหน่ายยา แค่หลงผิดไปเสพเท่านั้น
ตอนที่ลองเสพยา ตนรู้สึกอยากลอง ถ้ามีคนเอามาให้แล้วเราไม่ลอง ทุกอย่างก็จะไม่เกิดขึ้น โทษตัวเองทั้งหมด ซึ่งบทเรียนที่ได้หลังจากที่อยู่ในเรือนจำ ได้เจอคนมากมาย หลังจากนี้คงไม่ทำอีกแล้ว เพราะสงสารแม่ ขอโทษทุกคนด้วย และขอโทษแม่ด้วยที่ต้องทำให้ลำบาก
เอมี กล่าวว่า หลังจากนี้วางแผนชีวิตไว้ว่าจะกลับไปอยู่กับครอบครัวที่จังหวัดภูเก็ต และมาช่วยทนายตั้มที่มูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ส่วนเรื่องวงการบันเทิงยังไม่คิดที่จะกลับมาทำในตอนนี้ เพราะรู้ว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี
"หนูขอโทษผู้ใหญ่ทุกคนที่เคยให้โอกาสหนู และที่หนูทำตัวไม่ดีหนูขอโทษ และหนูสัญญาจะไม่ทำอีกแล้ว สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตแล้ว"
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :