ไม่พบผลการค้นหา
ตำรวจรัสเซีย เปิดเผยว่าสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฐานะคดีก่อการร้าย และยังไม่อาจบอกได้ชัดเจนว่ามีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บจำนวนเท่าไร แต่มีความเป็นไปได้ว่าผู้ก่อเหตุจะสนับสนุนแนวคิดอนาธิปไตย ต่อต้านอำนาจรัฐ

เกิดเหตุระเบิดในอาคารสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซีย (FSB) ในเมืองอาร์คันเกลส์ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงมอสโกไปทางเหนือ ประมาณ 1,000 กิโลเมตร เมื่อวานนี้ (31 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่นรัสเซีย โดยผู้ก่อเหตุเป็นวัยรุ่นชายอายุ 17 ปี ซึ่งเป็นชาวเมืองอาร์คันเกลส์โดยกำเนิด

สำนักข่าวต่างประเทศ ทั้งรอยเตอร์ บีบีซี และวอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานอ้างอิงภาพจากกล้องวงจรปิดบ่งชี้ว่า วัยรุ่นคนดังกล่าวตัดผมสั้นเกรียนและเดินเข้าไปในล็อบบี้อาคาร FSB พร้อมด้วยกระเป๋าเป้สะพายหลัง และเมื่อเข้าไปในอาคารได้ เขาหยิบระเบิดขึ้นมาจุดชนวนทันที ทำให้เขาเป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บร้ายแรง

ส่วนผู้ที่อยู่ในล็อบบี้รายอื่นนอนหมอบลงกับพื้น และบางรายมีลักษณะเหมือนผู้บาดเจ็บ แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเช่นกัน

ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจรัสเซียเปิดเผยผลสอบสวนข้อมูลเบื้องต้น พบว่าเครือข่ายสังคมออนไลน์ของวัยรุ่นชายผู้ก่อเหตุมักเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับอนาธิปไตย ซึ่งเป็นแนวคิดการเคลื่อนไหวต่อต้านอำนาจรัฐ และตำรวจระบุว่า จะสอบสวนคดีดังกล่าวในฐานะเหตุการณ์เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย

'ไม่ได้เมา' และ 'ไม่เข้าใจ'

ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของรัสเซียรายงานว่า ผู้ก่อเหตุ คือ 'มิคาอิล สโลบิตสกี' นักเรียนวิทยาลัยเทคนิคในเมืองอาร์คันเกลส์ และสื่อได้รายงานอ้างอิงคำให้การของผู้ใหญ่ในครอบครัวของเขา โดยยืนยันว่า มิคาอิลไม่ใช่เด็กเกเร ไม่กินเหล้าหรือสูบบุหรี่ ทั้งยังไปเรียนอย่างสม่ำเสมอ จึงไม่อาจเข้าใจได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะอะไรกันแน่

สื่อในประเทศรัสเซียรายงานตรงกันว่าวัยรุ่นผู้ก่อเหตุไม่ได้มีอาการมึนเมาขณะลงมือระเบิดที่ล็อบบีอาคาร FSB แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่วัยรุ่นในรัสเซียก่อเหตุรุนแรง ขณะที่การใช้ความรุนแรงหรืออาวุธประกอบเองโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐบาลยังเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยในเขตสหพันธ์คอเคซัสเหนือของรัสเซีย แต่การโจมตีสถานที่ทำการของรัฐบาลนอกเขตดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

นอกจากนี้ ต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เคยเกิดเหตุชายหนุ่มวัย 19 ปีระเบิดวิทยาลัยเทคนิคในไครเมีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย แต่วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ระบุว่า FSB ได้ป้องกันการก่อเหตุที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายได้ 26 คดีในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และสามารถสกัดการก่อเหตุก่อการร้ายได้อีก 17 ครั้งเมื่อปี 2560

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: