นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประกาศตัวเป็นนักการเมืองที่มาจากทหาร และไม่ปิดทางตัวเองในการเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ว่าไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะการประกาศแนวทางการเมืองของนายกฯครั้งนี้ น่าจะผ่านการกลั่นกรองเตรียมการมาแล้วเป็นอย่างดี ที่จะดำเนินการทางยุทธวิธีในการเคลื่อนไหวทางการเมืองตามยุทธศาสตร์สืบทอดอำนาจ ที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่หลังการปฏิวัติรัฐประหารจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
โดยนายองอาจ ได้ตั้งข้อสังเกตุพร้อมวิเคราะห์แผนดำเนินการของแม่น้ำ 5 สาย ที่แต่งตั้งโดยหัวหน้า คสช. ซึ่งมีการดำเนินการเคลื่อนไหวหลากหลายรูปแบบมาตามลำดับดังนี้ โดยกรธ.จัดทำรัฐธรรมนูญ ที่เอื้ออำนวยต่อการสืบทอดอำนาจด้วยการให้มี ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง 250 คน สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ และให้ที่ประชุมรัฐสภาสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีคนนอกที่ไม่ได้ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชนได้
ขณะเดียวกันถึงแม้ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ประกาศใช้แล้วก็ไม่ยกเลิกคำสั่ง คสช. ทำให้พรรคการเมืองไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้ จากนั้นก็ใช้ ม. 44 ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขเนื้อหาสาระของกฎหมายพรรคการเมือง โดยเฉพาะการรีเซ็ตสมาชิกพรรค ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นกระบวนการของการนำไปสู่การสืบทอดอำนาจ รวมถึงการเคลื่อนไหวทางการเมืองตั้งแต่การตั้งคำถามประเด็นการเมือง และการลงพื้นที่ ที่มีความถี่สูง มีการอัดฉีดเม็ดเงินในการผลักดันโครงการต่างๆ จำนวนมาก
นายองอาจ กล่าวเพิ่มเติมว่าปัจจัยที่สำคัญที่สุดปัจจัยหนึ่ง ก็คือการใช้อำนาจหลังจากนี้ไปจะต้องพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่าท่านนายกฯ และรัฐบาล ใช้อำนาจเพื่อส่วนรวม ไม่ได้ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง และไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ แต่ถ้าใช้อำนาจเพื่อตนเอง และพวกพ้อง หนทางแห่งการสืบทอดอำนาจก็อาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไปตามใจปรารถนาก็ได้
เช่นเดียวกับนายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย มีความเห็นว่าปัจจุบันรัฐบาลก็ยังได้ชื่อว่าเป็นรัฐบาลทหารเพราะได้อำนาจมาจากการรัฐประหารโดยกำลังทหาร และยังควบคุมประเทศอยู่โดย คสช. ที่สำคัญ ไม่มีนักการเมืองประเทศไหนมี ม.44 อยู่ในมือ ซึ่งจะเป็นการเลือกตั้งที่แปลกที่สุดในโลก คือ มี ม.44 กำกับอยู่ ทั้งก่อนการเลือกตั้งและหลังการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าประชาชนคงมีข้อพิสูจน์ระดับหนึ่งว่าในช่วงที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนบริหารประเทศ ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องโดยเฉพาะเงินในกระเป๋าของประชาชนเป็นอย่างไร เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่รัฐบาลนี้บริหารประเทศย่างเข้าสู่ปีที่ 4 เงินในกระเป๋าพอกพูนขึ้นหรือหดหาย แล้วมีหนี้สินมาพอกพูนทดแทนหรือไม่ ประชาชนล้วนสัมผัสได้จากชีวิตจริง
ดังนั้นประเด็นการเลือกตั้งสุดฮอตที่รอการลงคะแนนจากประชาชนก็คือ " นายกฯจากคนนอก หรือมาจากมือประชาชน" รอการพิสูจน์ความเชื่อมั่นของประชาชนว่าใครจะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชนได้
อ่านเพิ่มเติม:
Disrupt or Die หมอเลี้ยบชี้พรรคการเมืองต้องรองรับความเปลี่ยนแปลงของโลก
'ประยุทธ์' ประกาศแล้ว 'ไม่ใช่ทหาร แต่เป็นนักการเมือง'
'ประยุทธ์' ยัน 6 คำถาม ไม่หวังผลการเมือง แต่หวังให้ประเทศชาติยั่งยืน