พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ลงพื้นที่โรงเรียนวัดศรีบุญเรือง ตรวจเยี่ยมการพัฒนายกระดับระบบบริการขนส่งสาธารณะเชื่อม ล้อ ราง เรือ แก้ปัญหาจราจร กทม. เมื่อมาถึง นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้ร่วมเคารพธงชาติ ในเวลา 08:00 น. กับนักเรียนและผู้ปกครอง โรงเรียนวัดศรีบุญเรือง ก่อนรับชมโขน ตอนรามเกียรติ์ยกรบ และมอบหมวกนิรภัย รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยให้กับนักเรียน
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถือโอกาสมาเยี่ยมประชาชน ไม่ได้มาเพื่อหวังผลอะไร แต่มารับฟังปัญหา อุปสรรคของประชาชน ดูว่าต้องแก้ไขตรงไหน ซึ่งในพื้นที่มีหลายกลุ่ม หลายศาสนา แต่ทุกคนอยู่กันด้วยความรักสามัคคี และอยู่กันด้วยความสงบสันติ เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญทุกจังหวัด จะดูแลคนได้อย่างไรทั้งเด็กและผู้สูงอายุที่ไทยกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ สิ่งสำคัญคือ ป้องกันและออกกำลังกายให้แข็งแรง ไม่ปล่อยให้อ้วน จะทำให้เราไม่ต้องไปพบแพทย์
"สิ่งที่นายกรัฐมนตรีไปประชุมกับต่างประเทศ มีการเน้นดูแลผู้สูงวัย ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นเพราะโลกให้ความสนใจตรงนี้ ซึ่งจะเป็นภาระของรัฐบาลและภาระครอบครัวจะมากขึ้น ซึ่งหลายประเทศก็ดำเนินการเช่นเดียวกัน แต่ทุกอย่างต้องทำด้วยความโปร่งใส คำนึงถึงงบประมาณเป็นหลัก ไม่ได้มุ่งหวังอย่างอื่น วันนี้ประเทศมีคน 67-68 ล้านคน มีหลากหลายศาสนา เชื้อชาติที่อยู่ในแผ่นดินไทย และเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องภาคภูมิใจเหมือนเพลงชาติที่ร้อง" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงพื้นที่ได้เห็นการอยู่ร่วมกันแบบพหุสังคม ทุกเชื้อชาติและศาสนาไม่มีขัดแย้ง พร้อมฝากเรื่องความสะอาด ที่ต้องเตรียมความพร้อม และต้องไม่ทะเลาะหรือขัดแย้งเหมือนที่ผ่านมา ต้องไม่เกิดขึ้นอีก ซึ่งตนเองไปต่างประเทศ หลายประเทศชื่นชมประเทศไทย เพราะช่วงที่ผ่านมามีความสุขและจะเดินทางไปไหนก็ได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังทำร้ายและไม่ต้องการทำให้ทุกคนเดือดร้อน แต่ต้องการจัดระเบียบ เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย
อย่างไรก็ตามรัฐบาลพยามทำเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่ต้องอาศัยเวลา ที่ทุกอย่างต้องทยอยดำเนินการทั้งวิธีการ กฏหมาย และงบประมาณ ดังนั้นเหตุใดถึงไม่อยากให้ทุกคนมีเงิน แต่ทุกอย่างต้องอาศัยเวลา และรัฐบาลพยายามช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยแม้จะทำให้จำนวนไม่มาก แต่ก็สามารถช่วยเหลือได้บ้าง และอยากให้ทุกคน ต้องเตรียมตัวหากปฏิบัติตนแบบเดิมจะลำบาก เพราะโลกกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคดิจิตอล ดังนั้นทุกคนจึงต้องเรียนรู้ พร้อมขอให้ครูช่วยแนะนำการใช้โทรศัพท์ให้นักเรียนในสิ่งที่เป็นประโยชน์ เพื่อไม่ให้หลงเชื่อในข่าวที่บิดเบือน เพราะวันนี้มีเรื่องวุ่นวายทุกวัน ทั้งที่เป็นเรื่องส่วนบุคคลแต่ก็ยังนำมาทำให้ตนเองเกิดความไม่สบายใจ
ในช่วงหนึ่งนายกรัฐมนตรีได้ถามประชาชนว่า จะมายื่นหนังสือร้องเรียนอะไรหรือไม่ เป็นเรื่องดีหรือไม่ดี หากเป็นเรื่องดีๆ ต้องบอกให้คนอื่นรู้ โดยเฉพาะเรื่องดีต้องบอกให้สื่อมวลชนรู้ เพราะบางครั้งสื่อมวลชนก็ไม่เชื่อ ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องได้รับการสานต่อจากรัฐบาลหน้า ส่วนใครจะเป็นรัฐบาลก็ยังไม่รู้ ซึ่งทั้งหมดจะต้องเข้าสู่ระบบการเลือกตั้ง และนำสิ่งเหล่านี้ไปดัดแปลง และไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย เพราะในอีก 20 ปี ประเทศไทยจะต้องพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง
"จะทำงานให้มากขึ้นตราบใดที่ยังมีโอกาส ซึ่งส่วนตัวรับฟังทั้งหมดที่มีการร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมและช่องทางอื่นๆ ที่ได้เร่งแก้ปัญหา โดยเฉพาะปัญหาหนี้นอกระบบ จึงขออย่าฟังที่มีใครบอกว่าจะให้นู่น ให้นี่ เพราะไม่สามารถให้ได้ แต่ทุกอย่างต้องแก้ด้วยตัวบทกฎหมาย ไม่งั้นบ้านเมืองก็ไปไม่ได้ 4 ปี ทำได้แค่นี้กฎหมายหลายฉบับก็ออกได้ ซึ่งหลายอันเป็นกฎหมายที่ชาตินี้หรือชาติหน้าก็ออกไม่ได้ ดังนั้น อะไรที่ตนเองทำอยู่ตอนนี้ เชื่อเถอะว่าคนอื่นไม่สามารถทำได้เพราะตนเองมีวิธีการของตนเองและมีกฎหมายที่สามารถปลดล็อกได้ ซึ่งวันข้างหน้าก็ไม่มีแล้ว" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนรี และคณะ เพื่อพัฒนาเชื่อมต่อการเดินทาง ล้อ ราง เรือ กทม. ฝั่งตะวันออก คลองแสนแสบและโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน กทม. - ปริมณฑล โดยลงพื้นที่จุดแรกที่โรงเรียนวัดศรีบุญเรือง จากนั้นลงเรือจากท่าเรือวัดศรีบุญเรืองดูการสัญจรทางเรือ ขึ้นท่าเรือศูนย์การค้าเดอะพาซิโอ และดูความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารจอดแล้วจร ซึ่งนายกรัฐมนตรี บอกว่า การลงพื้นที่วันนี้ไม่ได้หวังผลอะไร แต่มารับฟังปัญหาอุปสรรค เพื่อรัฐบาลจะนำไปแก้ไข