ก่อนที่อินซ์จะถอนตัวในวันนี้ (11 พ.ค.) เขาเป็น 1 ใน 4 ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีตุรเคีย ร่วมกับเออร์โดกัน พร้อมกับคู่แข่งหลักของเขาอย่าง เคมาล คิลดาโรกลู และ ซินาน โอแกน โดยจากการสำรวจความนิยมก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่า เออร์โดกันมีคะแนนตามหลังคิลดาโรกลูมากกว่า 5% ก่อนการเลือกตั้งก่อนการเลือกตั้งในสุดสัปดาห์นี้
ในแถลงการณ์ อินซ์ตำหนิการรณรงค์ที่ป้ายสีใส่เขาว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจถอนตัวจากการแข่งขัน “ตุรเคียไม่สามารถปกป้องชื่อเสียงของผมได้ ชื่อเสียงของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีมีความสำคัญ” อินซ์กล่าว หลังจากมีข้อกล่าวหาวิดีโอโป๊เปลือยของเขา ที่ถูกปล่อยออกมาในช่วงก่อนการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ อินซ์เรียกร้องให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสนับสนุนพรรคมาตุภูมิของเขา “พรรคมาตุภูมิมีความสำคัญต่ออนาคตของตุรเคีย พรรคต้องเข้าไปอยู่ในรัฐสภา ผมต้องการคะแนนเสียงให้พรรคมาตุภูมิจากทุกครอบครัว” อินซ์กล่าว นอกจากนี้ อินซ์ยังกล่าวโจมตีฝ่ายค้านของตุรเคียว่า "เมื่อพวกเขา (ฝ่ายค้าน) แพ้การเลือกตั้ง พวกเขาจะโทษพวกเรา พวกเขาไม่ควรมีข้อแก้ตัวใดๆ เหลืออยู่”
อินซ์ในวัย 59 ปี เป็นผู้เข้าแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีตุรเคียเพียงคนเดียว ที่ไม่มีพันธมิตรสนับสนุนเขา โดยเขาระบุว่าพรรคมาตุภูมิและการเคลื่อนไหวของเขานั้นเป็น “แนวทางที่สาม” ของการเมืองตุรเคีย โดยก่อนหน้านี้ อินซ์เป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคแห่งประชาชนสาธารณรัฐ (CHP) ที่มีอุดมการณ์ซ้ายกลาง และลงสมัครรับเลือกตั้งในปี 2561 โดยต่อมาอินซ์แยกตัวออกจากพรรคซึ่งเขาวิพากษ์วิจารณ์ โดยอินซ์กล่าวว่านักสังคมนิยมประชาธิปไตยชาวตุรเคีย และผู้รักชาติแบบโลกวิสัย ควรรวมตัวกันเพื่อต่อต้านพรรคการเมือง "กลุ่มอิสลามสุดโต่ง"
อินซ์เป็นผู้มีลักษณะส่วนตัวที่เป็นคนเผชิญหน้า ส่งผลให้เขาเป็นที่ไม่นิยมในบรรดาผู้สื่อข่าว โดยผู้สนับสนุนคิลดาโรกลู ซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญของเออร์โดกัน เชื่อว่าอินซ์กำลังถอนการสนับสนุนจากผู้สมัครของพวกเขา และช่วยเหลือเออร์โดกัน โดยก่อนการถอนตัวของเขา อินซ์เคยสัญญาว่าเขาจะส่งผู้ลี้ภัยกลับไปยังประเทศบ้านเกิดของตัวเอง และ "ฟื้นฟู" ระบบโลกวิสัยในตุรเคีย หากเขาคว้าตำแหน่งประธานาธิบดีได้
ที่มา: