ทั้งสองผู้นำจะเข้าพบกันที่การประชุมสุดยอดที่อุซเบกิสถาน เพื่อแสดงให้เห็นถึง “ทางเลือกอื่น” ต่อชาติตะวันตก ซึ่งกำลังคว่ำบาตรรัสเซียจากการรุกรานยูเครนอย่างหนัก นอกจากนี้ การเดินทางเยือนอุซเบกิสถานของสี ยังนับได้ว่าเป็นการเดินทางออกนอกประเทศตนเองเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่โควิด-19 เริ่มระบาดในจีน
สีกำลังไขว่คว้าเพื่อการได้มาของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนในสมัยที่ 3 หลังจากการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้ตน สามารถดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนได้ตลอดชีวิต ในขณะที่ปูตินกำลังเจอกับวิกฤตในยูเครน และการลงโทษผ่านการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก
การเดินทางออกนอกจีนเป็นครั้งแรกของสีในครั้งนี้ จะเริ่มขึ้นในการเดินทางเยือนคาซัคสถานของประธานาธิบดีจีนในวันนี้ (14 ก.ย.) และสีจะเข้าพบกับปูตินในวันพฤหัสบดีนี้ (15 ก.ย.) ในการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ที่จะจัดขึ้นในเมืองซามาร์กันต์ของอุซเบกิสถาน และจะจบลงในวันที่ 16 ก.ย.
ยูริ ยูชาคอฟ โฆษกนโยบายการต่างประเทศรัสเซีย ออกมาระบุว่า ปูตินจะเข้าพบกับผู้นำในหลากหลายชาติ ได้แก่ อินเดีย ปากีสถาน ตุรกี และอิหร่าน แต่การพบหน้ากันกับสีของปูติน “มีความสำคัญเป็นพิเศษ” โดยยูชาคอฟกล่าวเน้นว่า การประชุมสุดยอดกำลังจะเกิดขึ้น “ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในวงกว้าง”
องค์การ SCO ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2544 เพื่อการสร้างความร่วมมือกันระหว่างอดีตชาติสมาชิกสหภาพโซเวียตในเอเชียกลาง ในการเป็นทางเลือกให้แก่กลุ่มประเทศอำนาจนิยม แทนการเข้าร่วมพหุภาคีกับทางชาติตะวันตก
การเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของสี เกิดขึ้นหลังจากการประกาศล็อกดาวน์ในรอบล่าสุดได้ไม่นานนี้ ท่ามกลางการยึดมั่นในนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของทางการจีน จากการสั่งล็อกดาวน์และกักตัวเพื่อกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวดที่สุด ในขณะประเทศอื่นๆ ได้เดินหน้าเข้าสู่หนทางของการอยู่ร่วมกันกับเชื้อไว้รัสแล้ว
สีเดินทางออกนอกจีนครั้งล่าสุดเมื่อ ม.ค. 2563 ในการเยือนเมียนมา เพียงไม่กี่วันก่อนที่จีนจะมีการประกาศล็อกดาวน์เมืองอู่ฮั่น สถานที่แรกที่เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิมเริ่มอุบัติขึ้น ทั้งนี้ สีได้เก็บตัวอยู่แต่ในจีนตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่าที่ผ่านมา และเดินทางออกนอกแผ่นดินใหญ่ไปไกลสุดเพียงแค่ฮ่องกงเมื่อ ก.ค.ที่ผ่านมา
ปูตินเองยังแทบจะไม่เดินทางออกนอกประเทศเลย นับตั้งแต่สงครามยูเครนเริ่มปะทุขึ้นเมื่อ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยการเดินทางเยือนต่างประเทศหลังจากสงครามยูเครนในรอบล่าสุดของปูติน เกิดขึ้นเมื่อช่วง ก.ค.ที่ผ่านมาในกรุงเตหะราน หลังปูตินบินออกนอกรัสเซียเพื่อทำการเข้าพบผู้นำตุรกีและอิหร่านที่นั่น โดยการเดินทางเยือนอุซเบกิสถาน จะเป็นครั้งที่สองที่ปูตินบินออกนอกประเทศ นับตั้งแต่เริ่มการรุกรานยูเครน
สีและปูตินพบหน้ากันแบบตัวต่อตัวล่าสุด เมื่อช่วง ก.พ.ที่ผ่านมา ในขณะที่จีนเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันโอลิมปิฤดูหนาว ณ กรุงปักกิ่ง โดยหลังจากการเข้าพบกันของผู้นำทั้งสอง จีนและรัสเซียได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันระบุว่า มิตรภาพของจีนกับรัสเซียนั้น “ไม่มีขีดจำกัด” ก่อนที่รัสเซียจะเริ่มการรุกรานยูเครนได้ไม่กี่วัน ในขณะที่ทางการจีนไม่เคยออกมาประณาม หรือลงโทษคว่ำบาตรรัสเซียเลยแม้แต่ครั้งเดียว พร้อมชี้ว่าเรื่องดังกล่าวต้องกล่าวโทษต่อทั้งสองฝ่ายแทน
จีนไม่ได้เข้าร่วมการคว่ำบาตรรัสเซียกับนานาชาติ ในขณะที่จีนกับอินเดียเองมีอัตราการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียพุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่การรุกรานยูเครนได้เริ่มต้นขึ้น นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ของจีนกับสหรัฐฯ เองกลับย่ำแย่ลงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหลังจากการเดินทางเยือนไต้หวันของ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จนทำให้จีนสั่งการซ้อมรบครั้งใหญ่รอบเกาะไต้หวันเป็นเวลา 5 วัน
มีการคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญว่า การเดินทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรกของสี แสดงให้เห็นถึงสัญญาณความมั่นใจในภาวะการเป็นผู้นำของตัวสีเอง แม้ว่าสีกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาภายในประเทศ จากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ย่ำแย่ลงอย่างรุนแรง ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า สีจะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนไปอีก ในการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน ต.ค.นี้
ที่มา: