หลังจากมีรายงานการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในเมืองอู่ฮั่นของจีนเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้สั่งปิดพรมแดนทันที โดยไม่มีรายงานผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อแม้แต่รายเดียวจากเจ้าหน้าที่ แม้ว่าโควิด-19 จะระบาดหนักในเพื่อนบ้านอย่างจีนและเกาหลีใต้ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ Financial Times รายงานอ้างอิงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหลายคนรวมถึงเอกสารที่ได้รับว่าเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือพยายามขอความช่วยเหลือจากนานาชาติในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่คนหนึ่งระบุว่ารัฐบาลมีชุดตรวจโควิด-19 และรู้วิธีการใช้ แต่จำนวนอุปกรณ์ตรวจนั้นไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่จึงต้องขอองค์กรต่างๆให้ช่วยสนับสนุนชุดตรวจโควิด-19
ผู้เชี่ยวชาญนานาชาติไม่เชื่อถือนักต่อการที่เกาหลีเหนืออ้างว่าไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศ โดยเฉพาะอย่างเมื่อมองไปที่ความไม่แน่นอนในเรื่องศักยภาพการตรวจหาเชื้อไวรัสที่แม่นยำของทางการเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า มีอย่างน้อย 590 คน ที่ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในเกาหลีเหนือ ทั้งหมดเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศเมื่อเดือนมาราคมและมีผลตรวจเป็นลบ สื่อรัฐบาลเกาหลีเหนือรายงานว่า มีผู้ได้รับการกักตัวเฝ้าระวังโรคในเกาหลีเหนือแล้ว 10,000 คน ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่พลเอกโรเบิร์ต อับรามส์ ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯ ในเกาลหลีกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าสหรัฐฯ แน่ใจว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในเกาหลีเหนือ เพราะสังเกตได้ว่าไม่มีกิจกรรมทางทหาร
ด้วยระบบสาธารณสุขที่อ่อนแอ ประกอบการถูกคว่ำบาตรที่จำกัดการค้าและการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาดมาหลายทศวรรษ ได้ทำให้ประชากรกว่าร้อยละ 40 ของเกาหลีเหนืออยู่ในภาวะขาดสารอาหารและเปราะบางต่อโรค จึงทำให้มีความเสี่ยงสูงมากที่การระบาดของไวรัสโคโรนาจะกลายเป็นภัยพิบัติแห่งมนุษยชาติที่นำไปสู่การเสียชีวิตจำนวนมาก และอาจทำให้เกาหลีเหนือกลายเป็นแหล่งกักเก็บเชื้อแม้ว่าสถานการณ์ในเอเชียจะเปลี่ยนแปลง ซึ่งความกังวลเหล่านี้ทำให้องค์กรให้ความช่วยเหลือต่างและพันธมิตรของเกาหลีเหนือเร่งส่งเวชภัณฑ์และอื่นๆเพื่อให้ความช่วยเหลือ แต่รายงานก็ระบุว่าการขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์เผชิญความล่าช้า
ทั้งนี้ สหประชาชาติได้เตือนว่า การคงมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อประเทศต่างๆเช่น เกาหลีเหนือ อิหร่าน และเวเนซุเอลา อาจส่งผลกระทบทำให้ระบบดูแลสุขภาพและสิทธิมนุษยนชนอ่อนแอ โดย 'มิเชล บาเชเล' ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ระบุว่าในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ควรจะมีการคลายมาตรการคว่ำบาตรที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจเพื่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของทั่วโลก และเพื่อสนับสนุนสิทธิและชีวิตของประชาชนหลายล้านคนในประเทศเหล่านี้
อ้างอิง Financial Times/The Straits Times