ไม่พบผลการค้นหา
อดีต รมว. พลังงานให้ความเห็นนโยบายเศรษฐกิจรัฐ เห็นด้วยคงอัตราดอกเบี้ย ทำค่าบาทอ่อน ฟื้นเศรษฐกิจ และ ทำให้ราคาสินค้าเกษตรเพิ่ม แนะจัดการท่องเที่ยวคำนึงความปลอดภัยและการกู้ภัย

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน คณะทำงานเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เห็นด้วยกับนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว. คลัง ที่อยากให้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน อย่าพึ่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วนักตามกระแสการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐและของโลก ทั้งนี้เพื่อทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทของไทยอ่อนค่าลงเพื่อช่วยให้การส่งออกที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา สามารถฟื้นต่อไปได้ อีกทั้งสภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมยังไม่ได้ดีนัก การขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะทำให้เศรษฐกิจที่พึ่งจะเริ่มฟื้นหลัง 4 ปี อาจหยุดชะงักได้ และค่าเงินบาทที่อ่อนจะช่วยทำให้ราคาสินค้าเกษตรราคาสูงขึ้น ทำให้รายได้ของเกษตรกรเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ อาจจะต้องจับตาดูการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐว่าจะขึ้นอีกเมื่อไหร่และอีกกี่ครั้ง รวมถึงการไหลออกของเงินตราต่างประเทศ ถ้าหากไม่มากนัก ก็อยากเห็นค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประเทศมากกว่า นอกจากว่า จะมีผลกระทบอย่างรุนแรงจนหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงค่อยพิจารณาขึ้นดอกเบี้ย และอยากให้จับตาสงครามการค้าระหว่าง สหรัฐและจีนที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างใกล้ชิด และเห็นว่าในภาวะสงครามการค้า ค่าเงินบาทที่อ่อนจะทำให้ไทยได้เปรียบมากกว่า

นอกจากนี้ นายพิชัยยังกล่าวฝากไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เร่งปรับปรุงระบบการรักษาความปลอดภัย และ การกู้ภัย หลังจากที่มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เสียชีวิตเป็นจำนวนมากจากอุบัติเหตุทางเรือ ที่ไม่มีระบบการเตือนภัยและป้องกันความเสี่ยงในภาวะอากาศที่แปรปรวน ซึ่งเป็นสาเหตุเดียวกับที่เกิดที่ถ้ำหลวงที่ระบบการเตือนภัยไม่ดีเช่นกัน

"การรับมือกับเหตุการณ์ร้ายแรงยังไม่ดีอย่างมาก ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับการรับมือในเหตุการณ์สึนามิที่จังหวัดภูเก็ตที่ได้รับคำชมเชยจากทั้งโลก ตรงกันข้ามกับที่ พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิดโฆษกรัฐบาลออกมาอ้างว่ารัฐบาลทำงานได้ดีกว่าเหตุการณ์สึนามิที่จังหวัดภูเก็ต การที่เอกอัครราชฑูตจีน รัฐมนตรีของจีน ตลอดจนประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ต้องออกมาจี้รัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหา"

นายพิชัยกล่าวด้วยว่าถึงปัจจุบันก็ยังตามหาผู้ที่สูญหายไม่ครบ ทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก

"เหตุการณ์เกิดขึ้น 4 วันแล้ว พลเอกประยุทธ์ถึงจะลงไปดู อีกทั้ง ครม. ท่านอื่นก็ไม่ได้ใส่ใจแก้ไข จนผู้ประสพเหตุที่รอดชีวิตไปโวยกับทีวีของประเทศจีน ต้องไม่ลืมว่า รายได้จากการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของประเทศมาตลอด 4 ปีนี้ หากไม่ได้รายได้จากการท่องเที่ยวนี้ เศรษฐกิจไทยคงทรุดหนักยิ่งกว่านี้มาก" นายพิชัยกล่าวและว่าในส่วนของนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนนั้นมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นทุกปี ดังนั้นการดูแลนักท่องเที่ยวให้เปรียบเสมือนเป็นลูกค้าชั้นดีจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นหลักคิดทางการค้าที่รัฐบาลนี้อาจจะมีน้อย

"จริงอยู่คงไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์ร้ายเกิด แต่เมื่อเกิดแล้วต้องมีระบบการรับมือที่ดี ซึ่งจะสะท้อนถึงความมีประสิทธิภาพของรัฐบาลด้วย" ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทยกล่าว