หลังจากที่รัฐบาลจีนประกาศขึ้นภาษี 15-25% กับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯกว่า 128 รายการ เช่น เนื้อหมู ผัก ผลไม้ และไวน์ เพื่อเป็นการตอบโต้ที่รัฐบาลสหรัฐฯขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่ารวมกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์ โดยจีนให้เหตุผลการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯครั้งนี้ว่าเพื่อปกป้องผลประโยชน์และเพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดกับสินค้าจีนที่ถูกสหรัฐฯขึ้นภาษี ล่าสุด ทางทำเนียบขาวก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การขึ้นภาษีของจีนแล้ว โดย นางลินด์เซย์ วอลเทอร์ โฆษกประจำทำเนียบขาวกล่าวหาจีนว่ากำลังบิดเบือนกลไกตลาด และเรียกร้องให้จีนหันมาทำการค้ากับสหรัฐฯอย่างเป็นธรรม แทนการขึ้นภาษีสินค้าซึ่งส่งผลเสียต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ
ความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ตึงเครียดมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการเทขายหุ้นอย่างหนักทั้งในฝั่งสหรัฐฯและเอเชีย จนมูลค่าหุ้นร่วงลงไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อวานนี้ ขณะที่ผู้ส่งออกของสหรัฐฯ โดยเฉพาะผู้ส่งออกเนื้อหมูก็ออกมาแสดงความเป็นห่วง เนื่องจากจีนเป็นผู้นำเข้าเนื้อหมูรายใหญ่เป็นลำดับที่สามของสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,100ล้านดอลลาร์ ซึ่งการถูกกีดกันไม่ให้เข้าไปขายในจีนด้วยการขึ้นภาษี ย่อมไม่ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมผลิตเนื้อหมูในสหรัฐฯ
ขณะที่ผู้ส่งออกสินค้าประเภทอื่นๆ แม้จะเห็นด้วยกับทรัมป์ว่าธุรกิจของสหรัฐฯถูกจีนเอาเปรียบ แต่การขึ้นภาษีตอบโต้กันไปมาเช่นนี้ ไม่ใช่ทางแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง และแนะนำว่าอยากให้ผู้นำของทั้งสองประเทศหันมาเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกันมากกว่า
ภาพ: AP