ไม่พบผลการค้นหา
สำนักข่าวกว่า 300 สำนักเข้าร่วมแคมเปญตอบโต้การโจมตีสื่อของโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมยืนหยัดปกป้องเสรีภาพสื่อ หลังทรัมป์กล่าวหาว่าสื่อสร้างข่าวปลอมและตั้งตนเป็นศัตรูกับประชาชน

สำนักข่าวเกือบ 350 แห่งร่วมกันเขียนบทบรรณาธิการตอบโต้การโจมตีสื่อของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ก่อน สำนักข่าวเดอะ บอสตัน โกลบได้เรียกร้องให้สำนักข่าวทั่วสหรัฐฯ ร่วมกันประณามที่นายทรัมป์ทำ “สงครามสกปรก” โจมตีสื่อ พร้อมติดแฮชแท็ก #EnemyOfNone ที่แปลว่า ไม่เป็นศัตรูของใคร

ก่อนหน้านี้ นายทรัมป์เคยโจมตีสำนักข่าวต่างๆ ว่าสร้าง “ข่าวปลอม” พร้อมกล่าวหาว่าผู้สื่อข่าวเป็น “ศัตรูของประชาชน” ซึ่งผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติแสดงความเห็นว่า วาทกรรมเช่นนี้จะเพิ่มความเสี่ยงให้กับผู้สื่อข่าวในการเผชิญกับความรุนแรง

เมื่อสัปดาห์ก่อน เดอะ บอสตัน โกลบได้ประกาศว่าจะเขียนบทบรรณาธิการเรื่อง “อันตรายของการโจมตีสื่อโดยรัฐบาล” ลงในวันที่ 16 ส.ค. และเรียกร้องให้สำนักข่าวอื่นเขียนบทบรรณาธิการเรื่องนี้ในวันเดียวกัน ซึ่งตอนแรกมีสำนักข่าวตอบรับที่จะเข้าร่วมแคมเปญประมาณ 100 แห่ง จนสุดท้ายมีสำนักข่าวเข้าร่วมแคมเปญนี้เกือบ 350 แห่ง มีทั้งสำนักข่าวท้องถิ่น หนังสือพิมพ์หัวใหญ่ๆ ของสหรัฐฯ ไปจนถึงสำนักข่าวระดับนานาชาติ เช่น เดอะ การ์เดียนของอังกฤษ

สำนักข่าวเดอะ บอสตัน โกลบได้พาดหัวข่าวใหญ่ว่า “ผู้สื่อข่าวไม่ใช่ศัตรู” โดยระบุว่า เสาหลักในการเล่นการเมืองของนายทรัมป์คือการโจมตีสื่อ และผู้สื่อข่าวไม่ถูกจัดประเภทว่าเป็นประชาชนชาวอเมริกัน แต่เป็น “ศัตรูของประชาชน” ซึ่งการโจมตีสื่ออย่างไม่หยุดหย่อนมีผลกระทบที่อันตรายตามมา พร้อมโต้แย้งว่า เสรีภาพสื่อถือเป็นหลักการสำคัญที่ชาวอเมริกันยึดถือมายาวนานกว่า 200 ปีแล้ว

ด้านเดอะ นิวยอร์ก ไทม์สพาดหัวข่าวว่า A Free Press Needs You ที่แปลว่า เสรีภาพสื่อต้องคุณ โดยระบุว่า การโจมตีของนายทรัมป์ถือเป็นอันตรายต่อเลือดเนื้อแห่งความเป็นประชาธิปไตย พร้อมกับยกข้อความเกี่ยวกับเสรีภาพสื่อของสื่ออื่นๆ มาเผยแพร่ต่อด้วย ขณะที่เดอะ ฟิลาเดเฟีย อินไควเรอร์ระบุว่า ฟิลาเดเฟียเป็นเมืองต้นกำเนิดประชาธิปไตยของสหรัฐฯ หากสื่อไม่เป็นเสรีจากการกดขี่ ลงโทษ หรือความเคลือบแคลง สำหรับการตีแผ่ความเห็นหรือข้อมูลที่ไม่เป็นที่นิยม ประเทศชาติและประชาชนก็ไม่มีเสรีภาพเช่นกัน

คอลัมนิสต์ในเครือแมคแคตชี ที่เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์รายวันกว่า 30 สำนัก รวมถึงไมอามี เฮรัลด์ได้เขียนว่า คอลัมนิสต์มักไม่ค่อยพูดอะไรออกมาเป็นเสียงเดียวกัน แต่ครั้งนี้พวกเขาพูดด้วยเสียงเดียวกันว่า “ศัตรูของประชาชน” เป็นวาทกรรมที่นาซีใช้เรียกยิว และเป็นข้ออ้างเพื่อใช้ประหารชีวิตคนที่วิพากษ์วิจารณ์โจเซฟ สตาลิน

โทเพคา แคปิทัล-เจอร์นัล ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในไม่กี่สำนักข่าวที่ประกาศสนับสนุนนายทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 ก็เข้าร่วมแคมเปญนี้เช่นกัน โดยระบุว่า การโจมตีสื่อของนายทรัมป์เป็นสิ่งเลวร้าย อันตราย และควรต้องยุติลงทันที

สำนักข่าวบีบีซีตั้งข้อสังเกตว่า นายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งได้โดยที่สำนักข่าวส่วนใหญ่ในประเทศไม่สนับสนุนเขา ทำให้น่าสงสัยว่า แคมเปญของเดอะ บอสตัน โกลบกระทบเสียงสนับสนุนของนายทรัมป์ได้บ้างหรือไม่

เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยควินนิพิแอกได้เปิดเผยโพลล่าสุด ซึ่งระบุว่า แม้ร้อยละ 65 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดจะยังเชื่อว่า สื่อเป็นส่วนสำคัญของประชาธิปไตย แต่ร้อยละ 51 ของคนที่เลือกพรรครีพับลิกันเชื่อไปแล้วว่า สื่อเป็นศัตรูของประชาชน มากกว่าที่จะเป็นส่วนสำคัญของประชาธิปไตย และร้อยละ 52ก็ไม่รู้สึกกังวลว่า การโจมตีของนายทรัมป์จะนำไปสู่การใช้ความรุนแรงกับสื่อมวลชน

อย่างไรก็ตาม บางสำนักข่าวก็ไม่เห็นด้วยกับแคมเปญของเดอะ บอสตันโกลบ โดยเจ้าของเว็บไซต์ข่าว ทาวน์ฮอลระบุว่า เขาไม่มีความคิดว่าจะไปบอกทุกคนว่าต้องคิดหรือทำอะไร ขณะที่เดอะ วอลสตรีท เจอร์นัลก็ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมแคมเปญนี้ โดยนายเจมส์ ฟรีแมนได้เขียนยทความไปก่อนหน้านี้ว่า นายทรัมป์มีเสรีภสพในการแสดงความคิดเห็น และสิ่งที่เดอะ บอสตัน โกลบกำลังขับเคลื่อนอยู่นั้นย้อนแย้งกับหลักการความเป็นอิสระที่เดอะ บอสตัน โกลบกำลังมองหาอยู่