ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตรวจแห่งชาติ และคณะทำงาน แถลงข่าวการจับกุมนายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ กอล์ฟ ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี ผู้ต้องหาฆ่า 3 ศพชิงทองในห้างโรบินสัน จ.ลพบุรี ถึงประเด็นแรงจูงใจในการก่อเหตุ
ทั้งนี้ ในการแถลงข่าวเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้นำของกลางที่ตรวจยึดได้รวมทั้งหมด 13 รายการมาจัดแสดง พร้อมทั้งมีการโฟนอินให้ผู้ต้องหาพูดคุยกับสื่อมวลชน โดยผู้ต้องหาระบุ สาเหตุที่ลงมือเกิดจากปัญหาส่วนตัว และปัญหาทางการเงิน ส่วนที่ยิงผู้อื่นนั้นเป็นการยิงเปิดทางให้กลัว โดยวางแผนล่วงหน้า 2-3 วัน ทำคนเดียว ไม่ได้ปรึกษาใคร พร้อมยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ส่วนที่กระสุนปืนไปโดนเด็ก นั้นยืนยันว่ามองไม่เห็นและไม่ได้ตั้งใจ เชื่อว่ากระสุนปืนพลาดแฉลบไปโดน รู้สึกสำนึกผิดและเสียใจต่อการกระทำ
โดยนัดแรกตั้งใจยิง เพราะต้องการยิงเปิดทาง เพื่อไม่ให้ใครเข้ามาใกล้เรา แต่ลูกกระสุนโดนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้วได้พลาดไปโดนน้องไทตัล
ส่วนที่ยิงซ้ำพนักงานร้านขายทองนั้น นายประสิทธิชัย ชี้แจงว่าตอนขึ้นไปที่ตู้กระจกได้หันกระบอกปืนไปที่ผู้หญิง แต่ถุงมือพันไกปืน จึงพยายามดึงออกทำให้พลาดไปยิงซ้ำ
เมื่อถามว่ายิงเปิดทางแล้ว ทำไม่ต้องยิงคนนั้น นายประสิทธิชัย ระบุว่า เมื่อยิงไปที่ตู้กระจก 2 นัด ไม่คิดว่ากระสุนจะโดนพนักงาน และพอเห็นผู้ชายกับผู้หญิง พอทำไปแล้ว เหมือนกับว่าอารมณ์มันหลุดไปแล้ว ก็ต้องกล่าวคำว่าเสียใจและขอโทษด้วย
ส่วนที่กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ นั้น นายประสิทธิชัย ระบุว่า พยายามทำตัวปกติ ไม่นึกถึง แต่ทุกครั้งที่เห็นข่าวก็จะรู้สึกเสียใจต่อการกระทำ และมีความคิดที่จะมอบตัว ในวันที่ 24 ม.ค.นี้ เพราะมีภารกิจที่โรงเรียนที่ต้องทำให้นักเรียนก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมถึงใช้ท่อเก็บเสียง นายประสิทธิชัย ระบุว่า สั่งมาจากเพื่อนรุ่นน้องในเน็ต เพื่อต้องการลดเสียงไม่ให้มีเสียงดัง ไม่ให้ผู้คนตระหนก ส่วนที่มีข่าวว่าอยากตายอย่างมีเรื่องราวนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
"อยากจะกล่าวคำว่าเสียใจ ขอโทษ กับครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะน้องไทตัล และทุกคนที่ผมได้ยิงไป ผมเสียใจและขอโทษครับ"
ตร.แจ้ง 3 กลุ่มข้อหาหนัก ยืนยันหลักฐานนำมาสู่การออกหมายจับ
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พยานหลักฐานทั้งหมด 11 รายการที่นำมาในวันนี้ ที่เป็นไฮไลท์คือ อาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ และทองรูปพรรณจำนวน 32 เส้น ได้จากบ้านพ่อผู้ต้องหา 31 เส้น ตกในที่เกิดเหตุอีก 1 เส้น ที่ขาดอยู่คือลำกล้องและท่อเก็บเสียง อยู่ระหว่างงมหาในแม่น้ำ
จากการสอบสวนจนถึงขณะนี้ยังไม่พบว่ามีผู้อื่นเกี่ยวข้องช่วยเหลือ แต่ก็ยังสืบสวนต่อ ส่วนหลักฐานที่นำมาสู่การออกหมายจับคนร้าย ได้มากองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ยืนยันเรื่องวัตถุพยาน และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์สนับสนุน แต่ยืนยันว่าไม่มีหลักฐานที่เป็นดีเอ็นเอของเหงื่ออย่างที่เป็นข่าว โดยรายละเอียดต่างๆ รวมถึงข้อมูลผู้ชี้เบาะแสเป็นความลับอยู่ในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้
สำหรับอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเป็นของพ่อ แต่ถึงวันนี้ยังไม่พบว่าพ่อมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ซึ่งข้อมูลปืน cz p-01 ที่เข้ามาในเมืองไทย 1.3 แสนกระบอก รุ่นนี้มีเป็นพันกระบอก ดังนั้นการจะตรวจสอบต้องมีเหตุพอสมควร ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ จะไปตรวจสอบ
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า คำให้การของผู้ต้องหานั้น ต้องแยกคำให้การกับหลักฐานออกจากกัน คำพูดเรื่องเหตุจูงใจจะเกิดจากอะไรจริงเท็จยังไม่ทราบ คำพูดเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ เป็นสิทธิของผู้ต้องหา แต่ตำรวจยืนยันตามกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา การที่เขาเดินเข้าไปเอาปืนยิงคนตาย เอาทองไปเก็บไปซุกซ่อน แล้วถูกจับ เราก็ฟันธงเลยว่าเขาเจตนาฆ่า เจตนาชิงทรัพย์ ส่วนคำกล่าวอ้างก็เป็นเรื่องของเขา
"ขอให้ชัดเจนว่าเราตั้งข้อหาตามการกระทำ ไม่ได้ตั้งข้อหาเพราะเขาพูดว่าอะไร ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหารับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่น , ชิงทรัพย์ ,ครอบครองอาวุธปืน แต่ถ้าวันหลังมีข่าวมาบอกว่าอยากฆ่าตัวตาย เราไม่ได้ไปฟังตรงนั้น เราก็ต้องฟันธงสาเหตุที่เขาลงมือทำว่าประสงค์ต่อทรัพย์ ไม่มีเรื่องอื่น" พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าว
ซึ่งภายหลังการแถลงข่าววันนี้คาดว่าจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา และอาจจะไม่นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในวันนี้ เพราะคาดว่าไม่น่าจะทัน
นายกฯ ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ สร้างเกียรติยศ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจับกุมคนร้ายฆ่าชิงทองลพบุรี ว่า มีการสอบถามความคืบหน้าคดีจากตำรวจทุกวัน ตนก็มีวิธีของตน สิ่งสำคัญที่สุดคือการได้สร้างศักดิ์ศรีและเกียรติยศให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจ ซึ่งมีการทำอยู่แล้ว แต่ถ้าสื่อมีการนำเสนอข่าวทุกวัน คนร้ายก็รู้หมด ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าข่าวที่ออกมามันไม่จริง เรื่องจริงเจ้าหน้าที่ก็ทำไป ผลจึงออกมาแบบนี้และจับได้
ยังไม่ส่งตัว "ประสิทธิชัย" ฝากขังราชทัณฑ์
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงขั้นตอนการดำเนินการ ภายหลังจับกุมตัวนายประสิทธิชัย ว่า ทางกองปราบปรามจะได้สืบสวนสอบสวนก่อนส่งฟ้องต่อศาล ยังไม่ถึงขั้นตอนของกระทรวงยุติธรรม ยังอยู่ในขั้นตอนของตำรวจ อัยการ และศาล ที่จะดำเนินการ ส่วนขั้นตอนการฝากขังนั้น ก็อาจเกี่ยวข้องกับกรมราชทัณฑ์
เมื่อถามว่า กรมราชทัณฑ์ ต้องดูแลเป็นพิเศษหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในช่วงแรกยังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนตนไม่ทราบมีการดำเนินการฝากขังแล้วหรือไม่ ตอนนี้การควบคุมตัวของตำรวจก็สามารถทำได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง