ไม่พบผลการค้นหา
การเดินทางเยือนฝรั่งเศสของมกุฏราชกุมารซาอุดีอาระเบีย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน สร้างความโกรธเคืองให้แก่กลุ่มสิทธิมนุษยชนเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการมองว่าพระองค์พยายามซักฟอกตนเองในคดีสังหาร จามาล คาช็อกกี นักข่าวชื่อดังผู้วิพากษ์วิจารณ์ราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย

งานเลี้ยงอาหารค่ำของพระองค์กับประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (28 ก.ค.) เกิดขึ้นท่ามกลางราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น และความกลัวที่มีต่อโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ทั้งนี้ พระองค์ปฏิเสธความเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการสังหารคาช็อกกีในตุรกี 

เฮทิส เซ็นกิซ คู่หมั้นของคาช็อกกี กล่าวว่า เธอรู้สึกโกรธเคืองเป็นอย่างมากที่พระองค์มาเยือนฝรั่งเศส อีกทั้งยังกล่าวหามาครงว่า “ต้อนรับผู้สังหารคู่หมั้นของเธออย่างหน้าชื่นตาบาน” 

เครื่องบินของ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ลงจอดที่สนามบินออร์ลี ทางใต้ของกรุงปารีส ในคืนก่อนที่จะมีการพบปะกันที่คฤหาสน์หรูในขตลูเวอเซียง ทางตะวันตกของกรุงปารีส กับประธานาธิบดีฝรั่งเศส ทั้งนี้ เอหมัด ญาติของคาช็อกกีเป็นออกแบบคฤหาสน์ดังกล่าว เพื่อเป็นเกียรติแก่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 หรือ “กษัตริย์แห่งดวงอาทิตย์” ผู้ปกครองฝรั่งเศสในช่วงศตวรรษที่ 17

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (28 ก.ค.) หลายชั่วโมงก่อนผู้นำทั้งสองประเทศจะพบกันที่พระราชวังเอลิเซ กลุ่มรณรงค์ทั้งสามกลุ่มได้ยื่นคำร้องทางอาญา โดยกล่าวหาว่าเจ้าชายแห่งซาอุดีอาระเบียสมรู้ร่วมคิดในการทรมานและสังหารคาช็อกกี  

ในบรรดาผู้ฟ้องร้อง ได้แก่ กลุ่มประชาธิปไตยเพื่อโลกอาหรับ (Dawn) ได้โต้แย้งว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน จะไม่ได้รับการยกเว้นจากการถูกฟ้องร้อง เนื่องจากเขาไม่ใช่ประมุขของรัฐ และฝรั่งเศสเป็นที่เดียวที่เขาจะถูกดำเนินคดีได้ โดย เบเนดิกต์ ฌองเนอร็อด จาก Human Rights Watch กล่าวว่า “หากไม่มีการให้คำมั่นสัญญาเกี่ยวกับสิทธิอย่างเป็นรูปธรรม มาครงก็เสี่ยงที่จะกลายเป็นคนช่วยซักฟอกภาพลักษณ์ของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน”

ก่อนการประชุม ผู้ช่วยประธานาธิบดีฝรั่งเศสสัญญาว่า จะมีการยกประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนมาพูด "ในลักษณะทั่วไป" แต่ก็กล่าวว่าฝรั่งเศสจำเป็นต้องหารือกับประเทศพันธมิตรทุกประเทศเพื่อแก้ปัญหาที่ยุโรปกำลังเผชิญ

ผู้นำทั้งสองเคยพบกันมาก่อนหลังจากการสังหารคาช็อกกี ที่เมืองเจดดาห์ในซาอุดีอาระเบียเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว 

เอลิซาเบธ บอร์น นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสกล่าวว่า ชาวฝรั่งเศสจะไม่มีทางเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น หากประธานาธิบดีไม่ยอมไปคุยกับผู้ผลิตพลังงานเชื้อเพลิงของโลก ท่ามกลางสถานการณ์ราคาพลังงานสูงขึ้นเรื่อยๆ และรัสเซียก็ขู่ว่าจะตัดการส่งก๊าซอยู่ซ้ำๆ ทั้งนี้ นับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครน ราคาพลังงานโลกปรับตัวพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ประธานาธิบดีมาครงเจรจาเพื่อเร่งให้ซาอุดีอาระเบียผลิตน้ำมันเพิ่ม

กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันอย่างโอเปคพลัส ที่มีรัสเซียรวมอยู่ด้วย จะมีการประชุมกันในสัปดาห์หน้า โดยประเทศสมาชิกแต่ละประเทศต่างเผชิญกับความกดดันในการแก้ไขวิกฤตพลังงานในตอนนี้

ก่อนหน้านี้ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกถ่ายภาพขณะ “ชนหมัด” กับเจ้าชายแห่งซาอุดีอาระเบีย ระหว่างการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าชายปฏิเสธว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องในการสังหารคาช็อกกีมาโดยตลอด และอัยการของซาอุดีอาระเบียโทษว่าเป็นความผิดของพวกเจ้าหน้าที่ที่ “คดโกง” อย่างไรก็ตามหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ระบุว่า เจ้าชายเป็นผู้อนุมัติการดำเนินการสังหารคาช็อกกี อีกทั้งการไต่สวนของสหประชาชาติสรุปว่า ซาอุดีอาระเบียมีส่วนในการฆาตกรรมครั้งนี้


ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-europe-62336559