ไม่พบผลการค้นหา
ซานนา มาริน นายกรัฐมนตรีฟินแลนด์ แถลงขณะการเดินทางเยือนออสเตรเลียในวันนี้ (2 ธ.ค.) เรียกร้องให้ชาติยุโรปสร้างสมรรถภาพในการป้องกันตนเอง หลังจากเกิดสงครามในยูเครนให้ได้เห็น พร้อมย้ำเตือนว่าหากปราศจากความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ยุโรปเองจะไม่มีความยืดหยุ่นอันแข็งแรงได้มากพอ เพื่อการรับมือกับภัยคุกคาม

“เราควรจะทำให้มั่นใจว่าเราแข็งแกร่งขึ้น” มารินระบุต่อผู้สื่อข่าว “และดิฉันจะขอพูดอย่างซื่อสัตย์แบบตรงๆ กับคุณ ยุโรปแข็งแรงไม่พอ เราจะตกอยู่ในปัญหาแน่ๆ หากปราศจากสหรัฐอเมริกา” คำเตือนของมารินเป็นการตอบคำถามของผู้สื่อข่าว เกี่ยวกับความรับผิดชอบของจีนในการ “กุมบังเหียนรัสเซีย” โดยมารินกล่าวว่า แม้ว่าจีนจะสามารถมีบทบาทได้ในห้วงความขัดแย้งนี้ แต่ “เราไม่ควรพึ่งพาเพียงแค่นั้น”

มารินยังคงยืนยันว่า ยูเครนต้องได้รับ “ทุกสิ่งที่จำเป็น” เพื่อที่จะเอาชนะสงคราม พร้อมกล่าวเสริมว่าสหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญในการจัดหาอาวุธ การเงิน และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ทางการยูเครน เพื่อบั่นทอนการรุกคืบของรัสเซีย “เราต้องแน่ใจว่าเรากำลังสร้างสมรรถภาพเหล่านั้น เมื่อพูดถึงการป้องกันประเทศของยุโรป อุตสาหกรรมการป้องกันของยุโรป และทำให้แน่ใจว่าเราสามารถรับมือกับสถานการณ์ประเภทต่างๆ ได้” นายกรัฐมนตรีฟินแลนด์ระบุ

มารินยังระบุอีกว่า เมื่อรัสเซียเริ่มการรุกรานยูเครนในวันที่ 24 ก.พ. การจัดลำดับความสำคัญส่วนใหญ่ทางนโยบายของฟินแลนด์เปลี่ยนใน “ชั่วข้ามคืน” ไปเป็นประเด็นความมั่นคง จนกระทั่งรัสเซียรุกรานยูเครน โดยฟินแลนด์ให้ความสำคัญไปกับการมีความสัมพันธ์ทวิภาคีกับรัสเซีย และพยายามเป็นหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดกับชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) โดยที่ไม่ต้องเป็นสมาชิกองค์การ มารินกล่าว “นั่นคือวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาความมั่นคงของประเทศของเรา”

ฟินแลนด์และสวีเดนสมัครเข้าร่วมเป็นพันธมิตร NATO ในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา แต่กำลังรอให้ตุรกีและฮังการีให้สัตยาบันคำขอเป็นสมาชิกองค์การ ซึ่งต้องได้รับการอนุมัติจากอีก 28 ชาติในองค์การ โดยในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียเตือนว่า หาก NATO ติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานทางการทหารในฟินแลนด์และสวีเดน ทางการรัสเซีย “จะต้องตอบโต้อย่างได้สัดส่วน และจะยกระดับภัยคุกคามแบบเดียวกันสำหรับดินแดนเหล่านั้น ซึ่งนับเป็นภัยคุกคามที่เกิดขึ้นกับเรา”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามมารินว่าสถานการณ์ที่เป็นไปได้มากที่สุด ในแง่ของภัยคุกคามจากรัสเซียต่อฟินแลนด์ ซึ่งมีพรมแดนร่วมกันยาวกว่า 1,300 กิโลเมตรจะเป็นเช่นใด มารินตอบว่า “เรามีกองกำลังทหารที่ครอบคลุม ดังนั้นเราจึงไม่คาดหวังว่าพวกเขาจะไม่เข้ามายุ่งเหยิงกับกิจการเรา และเราไม่เห็นการปฏิบัติการทางทหารใดๆ ใกล้ชายแดนฟินแลนด์” 

“แต่แน่นอนว่าเราเตรียมพร้อม สำหรับการโจมตีแบบผสมผสานประเภทต่างๆ ที่เราอาจได้เห็น” มารินย้ำถึงภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นกับฟินแลนด์จากรัสเซีย “เรากำลังเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีทางไซเบอร์ประเภทต่างๆ… เรากำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการโจมตีแบบไฮบริดประเภทต่างๆ ในเรื่องการบิดเบือนข้อมูล”

ระหว่างเดือน ก.พ. ถึงปลายเดือน ต.ค. การโจมตีทางไซเบอร์ต่อ “เป้าหมายสำคัญ” ในฟินแลนด์เพิ่มขึ้นกว่า 1 ใน 3 เท่า โดยจากบทความล่าสุดของ YLE สื่อของฟินแลนด์ที่อ้างข้อมูลของ อาโป เซแดร์แบร์ก ผู้บริหารสูงสุดของ Cyberwatch Finland ในเดือน ส.ค.ว่า แฮกเกอร์รัสเซียได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบในการโจมตีเว็บไซต์รัฐสภาของฟินแลนด์ รวมถึงเว็บไซต์ของรัฐบาลอีกไซต์ของฟินแลนด์ โดยแฮกเกอร์รัสเซียอ้างว่า ตนโจมตีฟินแลนด์เพราะความกระตือรือร้นของฟินแลนด์ที่พยายามจะเข้าร่วม NATO

ในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา แอนต์ตี เปลต์ตารี ผู้อำนวยการของ Supo หน่วยงานความมั่นคงและข่าวกรองของฟินแลนด์ เตือนว่า “เราพิจารณาว่ามีความเป็นไปได้สูง ที่รัสเซียจะหันไปใช้สภาพแวดล้อม (ทางการโจมตี) ทางไซเบอร์ในช่วงฤดูหนาว” ทั้งนี้ Trafficom หน่วยงานด้านการขนส่งและการสื่อสารของฟินแลนด์รายงานว่า ในเดือน ต.ค.เพียงเดือนเดียว มีรายงานว่าการโจมตีทางไซเบอร์ต่อฟินแลดน์มีเพิ่มขึ้นเทียบเท่ากับช่วงเวลา 3 เดือนก่อนหน้ารวมกัน 

ด้วยความกังวลเกี่ยวกับการโจมตีแบบไฮบริดอื่นๆ รวมถึงการโจมตีผ่านการกดดันให้เกิดการลี้ภัยเข้าฟินแลนด์ พรรคการเมืองหลักของฟินแลนด์ได้สนับสนุนข้อเสนอในการสร้างรั้วตามแนวชายแดนบางส่วนของประเทศที่ติดกับรัสเซีย ฟินแลนด์ยังกังวลเกี่ยวกับการข้ามแดนผิดกฎหมายจำนวนมาก เนื่องจากมีพลเมืองชายชาวรัสเซียหลบหนีการระดมพลของปูติน โดย เปกกา ฮาวิสโต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟินแลนด์ระบุว่า ทางการพบชาวรัสเซียประมาณ 40,000 คน เดินทางเข้าสู่ฟินแลนด์ตั้งแต่สงครามยูเครนปะทุขึ้น

ทางการฟินแลนด์เพิ่งระงับวีซ่านักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย โดยมารินกล่าวว่า “มันกลายเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ทางศีลธรรม ที่จะปล่อยให้ชนชั้นกลางและชนชั้นสูงของรัสเซียเพลิดเพลินกับการพักผ่อนในยุโรปต่อไป ในขณะที่กองทัพของพวกเขาสังหาร ทรมาน และก่อการร้ายต่อชาวยูเครน”

ฟินแลนด์ ซึ่งมีประชากร 5.5 ล้านคน ยังคงมีการเกณฑ์ทหารต่อพลเมืองเพศชาย และมีกำลังทหารพร้อมสำหรับช่วงสงคราม 280,000 นาย โดยยังมี 870,000 นายที่ได้รับการฝึกเป็นทหารกองหนุน ทั้งนี้ ฟินแลนด์ใช้งบประมาณ 2% ของ GDP ไปกับการป้องกันประเทศ ซึ่งนับเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าสมาชิก NATO ส่วนใหญ่ ฟินแลนด์ยังเคยสู้กับในสงครามกว่า 2 ครั้งกับรัสเซียหรืออดีตสหภาพโซเวียตในปี 2483 ซึ่งส่งผลให้มีชาวฟินแลนด์เสียชีวิตไปกว่า 100,000 คน

“เรื่องราวของเราหลังสงคราม เมื่อเราได้รับเอกราช เป็นเรื่องที่ประสบกับความสำเร็จ” นายกรัฐมนตรีฟินแลนด์กล่าว “เราต้องทำให้แน่ใจว่า ชาวยูเครนมีความหวังอย่างนั้นนั้นว่า พวกเขาจะมีอนาคตอย่างนั้น”


ที่มา:

https://www.theguardian.com/world/2022/dec/02/finland-pm-sanna-marin-says-europe-is-not-strong-enough-without-the-us?CMP=Share_iOSApp_Other&fbclid=IwAR1OVeGYvCHfVbqYrrUXxwXKvFYJOmjhgBOD-l7kiC-kOrMgdljLStJ0wMk