โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน หรือ ODOS (One District One Scholarship) ถือกำเนิดในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เริ่มดำเนินการปี 2547 มีเป้าหมายกระจายโอกาสทางการศึกษาให้นักเรียนที่ขาดโอกาสได้มีโอกาสศึกษาต่อต่างประเทศระดับปริญญาตรีทั้งในประเทศและต่างประเทศ
มีเงื่อนไขว่าต้องมีการเรียนเฉลี่ย 3.00 ครอบครัวมีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี (ต่อมาปรับเป็น 200,000 บาทต่อปี) ในช่วงแรกกำหนดด้วยว่าต้องเรียนในประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษ เพื่อให้ได้รับองค์ความรู้ที่กว้างขวางและไม่ทับซ้อนกับทุนของหน่วยงานอื่น โดยนักเรียนที่ได้ทุนจะได้เรียนปรับภาษาก่อน 1-2 ปี สามารถเรียนในสาขาใดก็ได้ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่ประเทศต้องการหรือไม่ก็ตรงตามที่ท้องถิ่นต้องการ โดยมีคณะกรรมการคัดเลือกจากหลายหน่วยงาน และไม่มีเงื่อนไขผูกมัดในการรับทุน ในรุ่นแรกมีผู้สมัครมากถึง 5,298 คน
โครงการนี้ใช้เงินจากโครงการ ‘หวยบนดิน’ จนกระทั่งเกิดการัฐประหารและรัฐบาลถูก คตส.ฟ้องจนต้องยุติโครงการหวยบนดิน รัฐบาลหลังจากนั้นยังคงใช้เงินงบประมาณในการดำเนินโครงการนี้ต่อจนถึงรุ่นที่ 4 และเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขให้เรียนในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักได้ด้วย
สมพงษ์ จิตระดับ จากคุรุศาสตร์ จุฬาฯ เคยทำวิจัยในปี 2558 ระบุว่าแม้ในช่วงต้นโครงการนี้จะถูกโจมตีว่าเป็น ‘ประชานิยม’ แต่ในอีกด้านหนึ่งก็พบว่าเป็นการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้อย่างดี แต่ยังพบช่องโหว่ในช่วงหลัง เช่น การให้ศึกษาในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักอาจเพิ่มความซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น และการตรวจสอบฐานะของนักเรียนย่อหย่อนเปิดโอกาสให้นักเรียนที่มีโอกาสมากอยู่แล้วได้รับทุน
กระทรวงศึกษาธิการรายงานว่า จนถึงปัจจุบันมีผู้จบการศึกษาแล้ว 4 รุ่น มีผู้รับทุน รวมทั้งสิ้น 3,093 คน แบ่งเป็นมีผู้สำเร็จการศึกษา จำนวน 2,921 คน (ประกอบอาชีพในองค์กรต่าง ๆ เช่น ภาคเอกชน ภาครัฐ ธุรกิจส่วนตัว รัฐวิสาหกิจ องค์กรเอกชนเพื่อสาธารณประโยชน์) ไม่สำเร็จการศึกษา จำนวน 161 คน และอยู่ระหว่างการศึกษา รุ่นที่ 4 จำนวน 6 คน ที่จบล่าช้าเพราะติดปัญหาช่วงการระบาดของโควิด19
สำหรับจุดหมายปลายทางของนักเรียนที่ได้ทุน สรุปได้เบื้องต้นดังนี้
กลุ่มวิชาเฉพาะที่ไปเรียนรวม 9 กลุ่มวิชาดังนี้
งบประมาณที่ใช้เท่าที่สืบค้นได้พบว่า
2547-2553 ใช้งบประมาณรวม 4,700 ล้านบาท
2557-2563 มติครม.เมื่อ 21 ม.ค.2556 กำหนดกรอบวงเงินงบประมาณไว้ที่ราว 14,000 ล้านบาท