ไม่พบผลการค้นหา
"พล.อ.ประยุทธ์" ยืนยันยังไม่มีการขยายเวลาเคอร์ฟิว 24 ชม. คงเวลาเดิมคือ 4 ทุ่ม - ตี 4 พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วนร่วมแรงร่วมใจช่วยแก้ปัญหาโควิด-19 แจงไม่ได้ทอนอำนาจ รมต. แต่ต้องทำงานบูรณาการ สั่งการกลาโหม-มหาดไทยเตรียมพร้อมรับมือ State Quarantine

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ผ่าน ระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณทุกภาคส่วน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทุ่มเทเสียสละ อดทนเพื่อการทำงานสำคัญครั้งนี้ โดยให้กำลังใจ และเข้าใจดีว่าการทำงานเพื่อประชาชนส่วนใหญ่ ประชาชนทั้งประเทศ ย่อมมีความยากลำบาก และเต็มไปด้วยอุปสรรค อาจจะมีทั้งผู้ที่มีเจตนาบริสุทธ์ ทั้งดี และไม่ดี จึงขอให้ทุกคนอดทน สร้างความเข้าใจชี้แจงประชาชนอย่างต่อเนื่อง ก่อนมีมาตรการใดๆ ออกมา

พร้อมขอให้หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการแต่ละด้านได้ประสานงานกันอย่างใกล้ชิด ให้รัฐมนตรีทุกกระทรวงนำนโยบายไปช่วยปฏิบัติ และย้ำว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้ลดทอนอำนาจรัฐมนตรี เพียงแต่ต้องการให้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกัน และขอควบคุมภาพรวมการทำงานอย่างใกล้ชิด โดยการแก้ปัญหาประเด็นนี้ประกอบด้วยข้อมูลที่มีจำนวนมาก ขอให้กระชับ ผ่านการบริหารจัดการข้อมูล บูรณาการข้อมูล ที่ ศบค. เพื่อการวิเคราะห์ตัดสินใจนำมาใช้ในการประชาสัมพันธ์ได้ทันที

ส่วนเรื่องการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยมีความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ ผ่านระบบการกักตัวทั้ง State Quarantine และ Home Quarantine เป็นไปตามที่กระทรวงสาธารณสุขร่วมจัดการ เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจ และให้ความร่วมมือการคัดกรอง โดยกักกันต้องเข้มงวด ต้องมีความพร้อม ทำงานร่วมกันของทุกฝ่าย 


"ประยุทธ์" ยืนยันไม่ขยายเวลาเคอร์ฟิว

ด้านการประกาศเคอร์ฟิวยังไม่ปรับอะไรเพิ่มเติม ขอดำเนินการตามมาตรการที่ได้ประกาศไปก่อน โดยเมื่อวาน (8 เม.ย.) นายกรัฐมนตรีได้ไปเยี่ยมผู้กักตัวตามมาตรการ State Quarantine ที่โรงแรมเดอะภัทรา ขอชื่นชม ขอบคุณเจ้าของโรงแรม และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอให้ ศบค. พิจารณาอย่างใกล้ชิด เพื่อดูแลประชาชนที่อยู่ในการคัดกรอง และกำลังจะกลับมาเพิ่มเติม ให้เรียบร้อย ถูกต้องตามมาตรฐานการคัดกรอง ดังนั้นการประกาศเคอร์ฟิวจึงเป็นไปตามประกาศเดิม 22.00-04.00 น. และมีข้อยกเว้นตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินกำหนด ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานเพื่อแจ้งให้ประชาชนที่เกี่ยวข้องทราบ 


คาดปัญหาหน้ากากอนามัยจะไม่ขาด หลังเร่งผลิตได้ 2 ล้านชิ้นต่อวัน

ประเด็นที่เกี่ยวกับหน้ากากอนามัย หน้ากากอนามัยแบบปกติ ผลิตได้เพิ่มเป็น 2 ล้านชิ้นต่อวันแล้วคิดว่าด้วยจำนวนการผลิตเท่านี้จะลดปัญหาขาดแคลนได้บ้าง 

ส่วนหน้ากาก N95 และชุด PPE ยังมีปัญหาต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ ทั้งนี้ทั้งนั้นรัฐบาลจะเร่งดำเนินการเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข อย่างไรก็ดี การผลิต N95 มีมาตรฐานการผลิตที่อาศัยหลายปัจจัย และต้องผลิตให้ได้มาตรฐาน

ด้านมาตรการทางเศรษฐกิจ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ทำงานอย่างหนัก และทำให้เกิดผลในการช่วยเหลือประชาชน อย่างไรก็ดี การดำเนินการต้องผ่านมาตรการที่ถูกต้องตามระเบียบ หากไม่ถูกต้องจะต้องส่งเงินคืน และมีมาตรการลงโทษตามกฎหมาย และหากกฏหมายตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่เพียงพอที่จะใช้ลงโทษต้องปรับเพิ่ม ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีให้ศึกษาวงเงินที่ใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากทั่วโลก ให้พิจารณาตั้งคณะทำงานอย่างละเอียดรอบคอบ

นายกฯ สั่ง สธ.พิจารณามาตรการตรวจสอบคัดกรอง

ด้านการแพทย์ นายกรัฐมนตรี สั่งการให้สาธารณสุขพิจารณาดูมาตรการต่างๆ การดูแล ติดตามเพื่อตรวจสอบ รวมทั้งสาเหตุที่มีการติดเชื้อ ตามที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาด และจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แหล่งที่มาของเชื้อต่างๆ โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ตรวจสอบการคัดกรองและรักษาในโรงพยาบาลทั้งเอกชน และโดยเฉพาะในภาคใต้ยังมีตัวเลขการแพร่ระบาด โดยในโอกาสนี้ กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า แบ่งการดูแล ดังนี้ 

1. PUI ผู้ป่วยแล้ว ดูแล

2. ผู้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ ทำการสอบสวน

3. ค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก โดยที่ภูเก็ตทำไปกว่า 1500 ราย

4.ดูแลการเฝ้าระวัง กำหนดเป็นจุดที่มีความเสี่ยงสูง

ในขณะที่สาธารณสุขรายงานว่า ประเทศไทยมีอัตราการเสียชีวิต ร้อยละ 1.26, อิตาลี ร้อยละ 12.63, อังกฤษ ร้อยละ 11.03 ถือว่าประเทศไทยดำเนินการได้ดี นายกรัฐมนตรีได้สั่งการขอให้มีการควบคุมการดำเนินการให้ดียิ่งขึ้น ให้จำนวนลดลงได้ 

ด้านจัดการคัดกรองและระบบกักตัวเพื่อเฝ้าระวัง นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานจัดการไม่ให้มีปัญหา โดยผ่านการบริหารแบบบูรณาการที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยงให้ทยอยเดินทางกลับเพื่อรัฐบาลจะได้จัดระบบที่เหมาะสมรองรับ โดยพิจารณาการ State Quarantine สำหรับผู้ที่เดินทางมาทางอากาศ และดำเนินการ Local Quarantine ให้กับกลุ่มคนที่เดินทางผ่านด่านชายแดนทางบก ทั้งนี้ อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีให้พิจารณาแบ่งการเดินทางเข้าประเทศไทยเป็น 2 ประเภทคือคนไทยที่จะเดินทางจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศเสี่ยง เพื่อกลับประเทศ และชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มต้องผ่านกระบวนการ State Quarantine ที่เหมาะสม ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาการดูแลคนไทยที่พักอาศัยในต่างประเทศแม้ว่าไม่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศก็ต้องดูแลให้ดี  

พร้อมสั่งการให้ กระทรวงกลาโหมและมหาดไทยพิจารณาเตรียมการร่วมกันด้านการจัดการ State Quarantine โดยให้พิจารณาให้ละเอียด เพียงพอ ทั้งอุปกรณ์ บุคลากร ให้พร้อมใช้ และเป็นประโยชน์ โดยในสถานที่บางแห่งซึ่งได้ปรับเปลี่ยนใช้เป็นโรงพยาบาลในการรองรับผู้ป่วย ขอให้บันทึกแนวทางการรักษา การเตรียมรับมือสถานการณ์ ในรูปแบบต่างๆ ไว้ เพื่อเป็นประวัติศาสตร์และเป็นแนวทาง หากเกิดโรคระบาดใหม่ สิ่งที่บันทึกจะเป็นเสมือนคู่มือในการดำเนินการ รวมทั้งการใช้จ่ายงบประมาณ หลักเกณฑ์การเบิกจ่าย ข้อยกเว้นตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ. โรคระบาด 

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งการให้ประชาสัมพันธ์ชี้แจงสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนไม่ให้เกิดข้อสงสัย หน้ากากอนามัยแต่ละชนิดผลิตได้มากแค่ไหน ต้องการใช้จำนวนเท่าใด หน้ากากอนามัย N95 หน้ากากผ้า ตลอดจนให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหลักในการให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับความพร้อมเรื่องยารักษาโรคว่ามีเพียงพอ 

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณทุกคน ทุกฝ่าย ในทุกระดับ ที่มีส่วนร่วมมือสานต่อการทำงานอย่างเรียบร้อย ในแต่ละด้าน สิ่งสำคัญคือ อย่าให้สิ่งที่มีการสื่อสารตีความผิดพลาดถูกนำออกไปเป็นประเด็นทางการเมือง ให้เจ้าหน้าที่ทุกคน ทุกหน่วยงานมีความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย และให้โฆษกกระทรวงต่างๆ ชี้แจงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของตนเอง ควบคู่ไปกับการแถลงสถานการณ์ของโฆษก ศบค. ในแต่ละวัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :