ไม่พบผลการค้นหา
เดโมแครตเตรียมลงมติรับรองเสียงเพื่อถอดถอน 'ทรัมป์' วันที่ 13 ม.ค. ด้านทรัมป์ชิงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงวอชิงตันก่อนพิธีสาบานตนของ โจ ไบเดน ขณะที่ FBI ออกโรงเตือนทุกมลรัฐระวัง 'เหตุนองเลือด'

​สำนักข่าว CNN รายงานว่า สเตนี ฮอยเออร์ ผู้นำเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต กล่าวว่า การลงมติเพื่อรับรองเสียงของพรรคในการเดินหน้ากระบวนการถอดถอนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะเกิดขึ้นในวันพุธที่ 13 ม.ค. ซึ่งเป็นช่วงเวลา 1 สัปดาห์เต็มภายหลังจากที่กลุ่มผู้สนับสนุนของทรัมป์ก่อเหตุจลาจล บุกเข้าไปยังอาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน เพื่อขัดขวางการรับรอง โจ ไบเดน โดยสภาคองเกรสให้ขึ้นเป็นผู้นำคนที่ 46 ของสหรัฐฯ 

ช่วงเย็นของวันที่ 12 ม.ค.ทางพรรคเดโมแครตจะมีการโหวตมติเพื่อเรียกร้องให้รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ใช้อำนาจในการใช้บทบัญญัติการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 (25th Amendment) เพื่อปลดประธานาธิบดีลงจากตำแหน่งเนื่องจากไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้นำประเทศได้อีกต่อไป อันอาจมีสาเหตุมาจากอาการป่วยทางกายหรือจิต หรือในที่นี้คือการที่หลายฝ่ายเล็งเห็นว่าทรัมป์ มีพฤติกรรมยุยงปลุกปั่นให้เกิดการก่อจลาจลในวันที่ 6 ม.ค.อันเป็นการบ่อนทำลายประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ หลังจากนั้นในเช้าวันที่ 13 ม.ค.จึงจะมีการลงมติในประเด็นของการถอดถอนประธานาธิบดีโดยตรง


ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินก่อน 'ไบเดน' สาบานตนรับตำแหน่ง

เว็บไซต์ The Hill รายงานว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ของกรุงวอชิงตัน พร้อมทั้งมีการสั่งเตรียมกองกำลังทหารตำรวจเพื่อรักษาความปลอดภัยในพิธีการสาบานตนรับตำแหน่งของว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 20 ม.ค.นี้ โดยมอบหน้าที่หลักให้กับสำนักงานรับมือและจัดการฉุกเฉินแห่งชาติ (FEMA) ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ เป็นผู้ดูแล

AFP - ทำเนียบขาว ทรัมป์

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ มูเรียล โบว์เซอร์ นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน เรียกร้องให้ทรัมป์เร่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับพิธีการสำคัญในการถ่ายโอนอำนาจให้กับ โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดี หลังจากมีความกังวลว่าพิธีดังกล่าวอาจกลายเป็นเป้าโจมตีจากกลุ่มไม่หวังดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสหรัฐฯ เพิ่งจะเผชิญกับความวุ่นวายที่อาคารรัฐสภาในสัปดาห์ที่แล้ว 


FBI ออกโรงเตือนทุกมลรัฐเฝ้าระวังเหตุนองเลือด

AP รายงานว่า สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ หรือ FBI ประกาศเตือนพื้นที่เสี่ยงอย่างเมืองหลวงของทุกมลรัฐทั่วประเทศ รวมถึงเมืองหลวงของประเทศอย่างกรุงวอชิงตันให้เฝ้าระวัง 'เหตุนองเลือด' จากกลุ่มผู้ชุมนุมติดอาวุธที่อาจเกิดขึ้นในช่วงนี้ไปจนถึงวันที่ 20 ม.ค. ซึ่งทีมสืบสวนเชื่อว่าส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้ประท้วงคือกลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่ง

สภาคองเกรส-สหรัฐ-ทรัมป์

เว็บไซต์ ABC คือสื่อแรกที่นำเสนอถึงรายละเอียดของแถลงการณ์ภายในจาก FBI มีใจความว่า "กลุ่มผู้ชุมนุมติดอาวุธมีการวางแผนที่จะประท้วงใน 50 เมืองหลวงของทุกมลรัฐ เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. เรื่อยไปจนกระทั่งอย่างน้อยวันที่ 20 ม.ค."

ซึ่งแถลงการณ์อีกหนึ่งฉบับที่มีการจัดทำขึ้นโดย FBI ถูกส่งไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศก่อนหน้าที่จะมีการจลาจลเกิดขึ้นในวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมาเช่นกัน โดยในวันที่ 29 ธ.ค. 2563 มีการแจ้งเตือนว่า มีความเป็นไปได้ว่าอาจมีการก่อเหตุจากกลุ่มผู้ประท้วง โดยจะพุ่งเป้าไปที่สมาชิกรัฐสภา