น.ส.ลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ รองประธานมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตยหรือ P-NET กล่าวถึง การให้สัญญาของพรรคการเมืองโดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในช่วงหาเสียง แต่ยังไม่ได้มีการดำเนินการผลักดันเป็นนโยบายตามที่หาเสียงไว้ว่า ทุกฝ่ายจะต้องสร้างกิจกรรมเพื่อกระตุ้นและให้ผู้เกี่ยวข้องตระหนักถึงความสำคัญในประเด็นต่างๆและต้องจับตา ว่ารัฐบาลจะดำเนินการตามที่พรรคร่วมต่างๆได้หาเสียงไว้หรือไม่และตะดำเนินการเมื่อใด รวมถึงดูการผลักดันนโยบายที่ใช้หาเสียงของพรรคฝ่ายค้านด้วย โดยทั้งหมดถือเป็นสัญญาประชาคม ที่อาจไม่มีบทลงโทษทางกฎหมายชัดเจน แต่ประชาชนจะต้องใช้พิจารณาในการเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยเฉพาะนโยบายกระจายอำนาจที่หลายพรรคการเมืองใช้หาเสียง
ส่วนการที่นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาระบุว่า นโยบายลดภาษีเงินได้บุคคลธรรม 10% นั้น เป็นการยกตัวอย่างตอนหาเสียงเท่านั้นว่า จะต้องดูกฎหมายพรรคการเมืองและสิ่งที่นายอุตตม พูดทั้งก่อนและหลังการหาเสียงประกอบกัน ว่าจะเข้าข่ายการจูงใจซึ่งมีความผิดเฉพาะช่วงหาเสียง หรือเป็นการทำให้เข้าใจผิดหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลยังมีเวลาที่จะดำเนินการอยู่
อย่างไรก็ตาม หากไม่ดำเนินการและมีประชาชนที่รู้สึกว่าได้รับความเสียหายสามารถยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง ตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ได้ ในส่วนของ P-NET มุ่งเน้นการสร้างกิจกรรมร่วมกับภาคประชาสังคมในการกระตุ้นให้สังคมและผู้มีอำนาจเห็นความสำคัญของนโยบายที่ใช้ในการหาเสียง ที่ถือเป็นสัญญาประชาคมที่ต้องทำด้วย โดย P-NET ได้จัดเวทีก่อนการเลือกตั้งให้พรรคการเมืองต่างๆทำสัญญาประชาคมในสิ่งที่จะดำเนินการหากได้เป็นรัฐบาล