พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวง (รมว.) มหาดไทย และศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือในประเด็นต่อสัญญาโครงการรถไฟฟ้าสีเขียว ซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ ให้ขยายอายุสัมปทาน ที่จะหมดในปี 2572 ไปอีก 30 ปี จนถึงปี 2602 และแปลงสัญญาสัมปทาน เป็นสัญญาร่วมลงทุน โดยไม่ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุนเนื่องจากได้รับการยกเว้นตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ซึ่งอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ปี 2557
สำหรับการหารือวันนี้ ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะมีความเห็นไม่ตรงกันหลายประเด็น และ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ 2 กระทรวง ไปหารือกันให้ได้ข้อยุติ เพื่อนำเสนอแนวทางปฏิบัติมาให้พิจารณา ก่อนจะเสนอเข้าที่ประชุม ครม.อีกครั้งเพราะประเด็นสำคัญที่มีการพิจารณากัน และไม่มีข้อยุติ คือ ราคาค่าโดยสาร ซึ่งกระทรวงมหาดไทย โดย กทม. เสนอไม่เกิน 65 บาท ตลอดสาย ในขณะที่ กระทรวงคมนาคม โดยกรมการราง เห็นว่าเป็นราคาที่สูงเกินไป และ คำนวณราคาที่เหมาะสมอยู่ที่ 50 บาท ซึ่งเป็นอัตราที่ผู้ประกอบการมีกำไร และ ประชาชนสามารถใช้บริการได้มากขึ้น อีกทั้งเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน อีกทางหนึ่งด้วย
รายงานข่าวระบุว่า ความแตกต่างของราคาค่าโดยสาร เป็นประเด็นสำคัญที่นายกฯ ให้ไปพิจารณาทบทวนใหม่เนื่องจากมีผลกระทบต่อประชาชน รวมถึงการขยายอายุสัมปทานไปอีก 30 ปี ในขณะที่สัมปทานปัจจุบันมีอายุอีก 9 ปีเหมาะสมหรือไม่
ประเด็นสำคัญอีกประเด็น คือ ความถูกต้องด้านกฎหมาย และรายละเอียดของสัญญาที่จะมีการแปลงสัญญาสัมปทานเป็นสัญญาร่วมลงทุน โดยไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ แม้จะได้รับการยกเว้นด้วยคำสั่ง คสช.ตามมาตรา 44 แต่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมด้วย เนื่องจากคำสั่ง คสช.ฉบับนี้ ออกเมื่อปี 2562 หลังจากมีการใช้รัฐธรรมนูญ 2560 แล้ว2 ปี จึงต้องพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่ และเป็นคำสั่งที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ปี 2560 หรือไม่ ซึ่งต้องคำนึงถึงปฏิกิริยาของสังคมด้วย และเป็นประเด็นที่พรรคฝ่ายค้าน ชี้ว่าไม่มีความชอบธรรม และจะใช้เป็นประเด็นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย