วันที่ 14 ส.ค. จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคฯ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาฯ พร้อมคณะ “จุรินทร์ ออนทัวร์” ร่วมงาน "รวมพลัง 30 เลือดใหม่ ทวงปักษ์ใต้คืน" ที่ สำนักงาน ส.ส. เดชอิศม์ ขาวทอง อ.รัตภูมิ จ.สงขลา
เฉลิมชัย ขึ้นเวทีพร้อมระบุถึงแนวทางและอนาคตของพรรคประชาธิปัตย์ว่า ตนมารับตำแหน่งเลขาธิการพรรค รอบนี้เป็นครั้งที่ 2 ประชาธิปัตย์เป็นเหมือนบ้านใหญ่หลังหนึ่ง มีประตูเปิดอยู่ตลอดเวลา ให้ใครเข้ามาในบ้านนี้ก็ได้ ไม่ว่าจะเดือดเนื้อร้อนใจ จะสุขสบาย จะมีเงิน ไม่มีเงิน บ้านประชาธิปัตย์เปิดประตูรับเสมอ และคงเคยได้ยินว่าประชาธิปัตย์เป็นเสมือนโรงเรียนการเมืองที่นักการเมืองเกือบทั้งประเทศไทย ถ้าไม่ผ่านบ้านหลังนี้ถือว่าไม่ผ่านหลักสูตร
วันนี้การเมืองมีความเข้มข้น และน่าจะเป็นยุคที่มีพรรคการเมืองมากที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทย ทุกคนมุ่งหวังไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้ง ดังนั้นจะเห็นปรากฎการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นกับนักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแจกกล้วย เรื่องไดโว่ดูดตัวนักการเมือง นโยบายขายฝันจะทำได้หรือไม่ ไม่รู้ แต่จะให้ประชาชนเลือกเขาก่อน แต่วันนี้ ตนในฐานะที่เป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ขอยืนยันพี่น้องภาคใต้ได้รับทราบว่า ประชาธิปัตย์ยังยึดมั่นในหลักการ และอุดมการณ์เหมือนเดิม แต่วิธีทำงานเราต้องเปลี่ยน หมดยุคเสาไฟฟ้าลงก็ได้แล้ว วันนี้คนประชาธิปัตย์ที่จะเป็นตัวแทนประชาธิปัตย์ทุกคนที่จะลงรับสมัครเลือกตั้ง ต้องเดินเข้าหาพี่น้องประชาชน ต้องเอาพี่น้องประชาชนเป็นหลัก
“ถ้าผู้สมัครของพรรคคนใดก็แล้วแต่ไม่ได้ทำอย่างนี้ คิดว่าขอเพียงได้ลงประชาธิปัตย์ก็ได้ ในวันที่ผมเป็นเลขาธิการพรรค จะไม่มีโอกาสได้เป็นผู้สมัครของพรรคเลย เพราะฉะนั้นวันนี้ผู้สมัครทุกท่านที่อยู่ตรงนี้ ผมมั่นใจได้ว่าเป็นคนที่พรรคเลือก และเดินเข้าหาพี่น้องประชาชน หลายท่านคงได้ยินข่าวเรื่องเลือดไหล หัวหน้าผมก็บอกแล้วบางทีมันก็ไม่ใช่เลือด บางทีมันก็เป็นหนอง ประชาธิปัตย์เป็นบ้านหลังหนึ่ง แต่วันหนึ่งเมื่อเขาคิดว่าเขาสบายใจ เมื่อเขาคิดว่ามีบ้านอื่นที่ดีกว่า หรูหรากว่า เขาก็เดินออกจากบ้าน ผมถามทุกท่านนิดนึง บ้านนี้ผิดตรงไหน อย่างน้อยที่สุดต้องไปถามคนที่เดินออกไปว่า ครั้งหนึ่งบ้านหลังนี้เคยให้ที่ซุกหัวนอน ได้สำนึกในบุญคุณกันบ้างมั้ย ทุกครั้งที่สมาชิกพรรคออกจากพรรค ผมเป็นแม่บ้านพรรค ผมเสียใจมากทุกครั้ง ไม่มีใครใดเลยที่ผมดีใจที่สมาชิกออก ถึงแม้บางครั้งสมาชิกในพรรคก็รู้อยู่แล้วก็ไม่มีประโยชน์ ก็ไม่เคยละเลย ยังมีความเสียใจอยู่ตลอด เพราะความผูกพัน การได้เข้ามาอยู่ร่วมกันในพรรคเดียวกัน มันคือความผูกพันมันมากกว่าผลประโยชน์หรือการเมือง วันนี้สิ่งที่ประชาธิปัตย์กำลังจะเดินไปข้างหน้าคือการสร้างความมีเอกภาพภายในพรรค การสร้างจุดยึดโยงยึดเหนี่ยวกับพี่น้องประชาชน การทำผลงานให้พี่น้องประชาชนประจักษ์ และได้รับประโยชน์จากการทำงาน จากนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ นี่คือสิ่งที่ประชาธิปัตย์กำลังดำเนินการอยู่”
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า วันนี้การเมืองกำลังจะก้าวเข้าสู่สนามการเลือกตั้ง มันก็คือสนามรบกันย่อยๆ เพียงแต่เป็นการรบเพื่อเอาชนะใจพี่น้องประชาชน ความเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์คือแม่บ้าน คือคนที่ต้องรับผิดชอบบ้านหลังนี้ จะผุ จะไม่สะอาด หลังคารั่ว หน้าต่างพัง เลขาธิการพรรคมีหน้าที่ซ่อม ทำให้บ้านหลังนี้สมบูรณ์ที่สุด และตนยังมีความรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่า 14 จังหวัดภาคใต้ บวก 1 ประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดบ้านของผม คือบ้านของประชาธิปัตย์ 58 คน ใน 14 จังหวัดภาคใต้ 3 คนในจังหวัดประจวบฯ รวมทั้งหมด 61 เขต 61 คน ตนขอกราบฝากไปถึงพี่น้องภาคใต้ทุกกลุ่ม 61 เขต ตน “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” ในฐานะเลขาธิการพรรค สู้ทุกเขต
“ผมไม่บอกว่าจะได้กี่เขต แต่วันที่พรรคมีวิกฤติ ผมประกาศไว้ชัดเจนแล้ว รอบนี้ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ต่ำกว่า 52 ที่ ผมเลิกเล่นการเมืองทั้งชีวิต เลิกเล่นนะ ไม่ใช่หยุดเล่น เลิกคือหันหลังเดินออกไปเลย แต่ผมยังมั่นใจว่านี่คือสถาบันการเมือง ในท่ามกลางวิกฤติทุกอย่างวุ่นวาย พรรคประชาธิปัตย์ยังยืนเป็นหลักให้ประเทศได้ เพราะฉะนั้นจำนวน ส.ส. อาจจะมีผล แต่ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนวันนี้ตัดสินใจได้ว่าจะเลือกพรรคไหน และให้ผู้สมัครของผมทั้งหมด และให้พี่น้องชาวปักษ์ใต้ทั้งหมดได้สบายใจว่า วันนี้ที่ผมบอกคือหลักการ อุดมการณ์ ไม่เปลี่ยน แต่วิธีการ กับการทำงาน ประชาธิปัตย์เปลี่ยนแน่นอน เปลี่ยนเพื่อพี่น้องประชาชน” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
“ถ้าผมประกาศว่าสู้แล้ว คู่ต่อสู้ ขี้แตกแน่นอน แล้วจะสู้ตั้งแต่เกียร์แรกจนเกียร์สุดท้าย ตั้งแต่วันนี้ยันวันลงบัตรคะแนน ขอให้ทุกท่านพี่น้องทุกคนให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์ กำลังใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าพวกเรามีกำลังใจ ทุกคนพร้อมจะสู้ จะเดินไปพร้อมๆ กับทุกท่าน เกือบ 4 ปีที่ผ่านมา เราได้ทำให้กับพี่น้องประชาชน เราทำเงินเข้ากระเป๋าพี่น้องประชาชนมาตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปี แต่เรามีมารยาทพอที่จะไม่เอาผลงานนั้นมาหาเสียงในระหว่างเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล อย่างน้อยที่สุดประชาธิปัตย์ก็ยังมีคุณสมบัติผู้ดีอยู่บ้าง ไม่ถึงขนาดอะไรก็คือผลประโยชน์ทั้งหมด”
ทั้งนี้ ฉลิมชัย ได้ขอโอกาสพี่น้องชาวใต้ทั้งหมด และขอโอกาสพี่น้องสงขลาว่าเลือกตั้งรอบนี้ขอจังหวัดสงขลายกจังหวัด และได้รับเสียงขานรับ เสียงตบมือจากสมาชิกประชาธิปัตย์ รวมถึงพี่น้องประชาชนที่มาร่วมงานนับหมื่น ซึ่งเสมือนเป็นดั่งคำมั่นสัญญาว่าการเลือกตั้งรอบนี้ชาวสงขลาจะเลือกประชาธิปัตย์ยกจังหวัด
หลังจากนั้นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ขึ้นเวที ท่ามกลางเสียงตะโกน “หัวหน้าสู้ๆ” ดังกระหึ่มตลอดเวลา โดย จุรินทร์ กล่าวว่า เสียงดังเหมือนฟ้าร้องเลย วันนี้ถือเป็นวันพิเศษสำหรับประวัติศาสตร์ประชาธิปัตย์ คือวันที่ประชาธิปัตย์ยกทัพใหญ่มาประกาศทวงพื้นที่ปักษ์ใต้คืน ประชาธิปัตย์มีหัวหน้าพรรคมาแล้ว 8 คน เป็นคนปักษ์ใต้ 3 คน คือ ชวน หลีกภัย บัญญัติ บรรทัดฐาน และตน ซึ่งเป็นผู้แทนพังงา 6 สมัย ได้รับการสนับสนุนจากคนพังงาเสมอมา มาเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 5 สมัย ถึงวันนี้คนปักษ์ใต้อุ้มชูตนเป็นผู้แทนมาแล้ว 11 สมัย
“ผมถึงบอกกับพี่น้องที่เคารพรักทั้งหลายว่า ประชาธิปัตย์ผูกพันกับคนปักษ์ใต้บ้านเรา และประชาธิปัตย์มีวันนี้อยู่มาได้ 76 ปี และจะอยู่ต่อไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย เพราะคนปักษ์ใต้บ้านเราอุ้มชู ประชาธิปัตย์มีนายกฯ มาแล้ว 4 คน ควง อภัยวงศ์ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ชวน หลีกภัย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลมาหลายครั้ง แต่ก็เป็นฝ่ายค้านมาหลายรอบ เรามีทั้งรุ่งเรือง มีทั้งตกต่ำ ยามรุ่งเรือง เราก็ภาคภูมิใจ และเราก็ไม่ลืม เราทำหน้าที่ของเราสุดความสามารถ สร้างความดี สร้างผลงานปรากฎให้บ้านเมืองมาตลอดระยะเวลายาวนาน 76 ปีเต็ม แต่ยามที่เราตกต่ำเราก็เป็นฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ของเราสมศักดิ์ศรีในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล พี่น้องอาจจะลงโทษประชาธิปัตย์บ้าง บางยุคบางสมัย แต่เราก็ไม่เคยท้อแท้ ไม่เคยท้อถอย ไม่เคยคิดทอดทิ้งพี่น้องประชาชน ยังคิดอยู่เสมอว่า สุดท้ายที่พึ่งของประชาธิปัตย์คือพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน โดยเฉพาะคนปักษ์ใต้บ้านเรา” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
และยังพูดต่ออีกว่า วันนี้พวกตนกลับบ้าน กลับมาพบพี่น้อง กลับมาหาพ่อ มาหาแม่ กลับมาหาปู่ มาหาย่า ซึ่งเมื่อกล่าวถึงตรงนี้ นายจุรินทร์ เงียบงันไปครู่ใหญ่ จนพี่น้องประชาชนรับรู้ถึงความสะเทือนใจพร้อมกับมีเสียงตบมือดังกึกก้องเพื่อเป็นกำลังใจให้กับนายจุรินทร์ และพรรคประชาธิปัตย์ จากนั้น นายจุรินทร์ ได้กล่าวต่อด้วยเสียงสั่นเครือว่า มาครั้งนี้มาหาพี่ มาหาน้อง มาหาเพื่อน มาหาปักษ์ใต้ทุกคนที่เป็นหัวใจของเรา ชาวประชาธิปัตย์
ประชาธิปัตย์ เราเคยตกต่ำ ปี 22 เราได้ผู้แทน 15 แต่หลังจากนั้น ปี 54 เราได้มาเป็น 50 เที่ยวที่แล้ว ประชาธิปัตย์ลงมาเหลือ 22 แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเลือกตั้งปีหน้าประชาธิปัตย์จะกลับมา 35-40 ไม่ได้ใช่มั้ย วันนี้เราถึงมารวมพลังกัน ผนึก 30 รุ่นใหม่ เลือดใหม่ ประชาธิปัตย์ทวงปักษ์ใต้คืน และตนมั่นใจว่าพี่น้องไม่ทิ้งเรา เลือกตั้งซ่อม 3 ครั้งที่ผ่านมาล่าสุด 2 ครั้งซ่อมที่ปักษ์ใต้บ้านเรา เราชนะรวดทั้ง 2 ครั้ง และเลยไปถึงราชบุรีด้วย
วันนี้ตนจึงขอถือโอกาสประกาศชื่อเลือดใหม่ที่ไหลเข้าประชาธิปัตย์ และคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาร่วมอุดมกาณ์กับพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งหมด 30 คน เพราะเที่ยวหน้าผู้แทนปักษ์ใต้มี 58 เขต เป็น ส.ส. ปัจจุบันอยู่แล้ว 21 คน เป็นอดีต ส.ส.ที่ยืนหยัดอยู่กับพรรคอีก 7 คน และประชาธิปัตย์มีเลือดใหม่อีก 30 คนที่พร้อมรวมพลัง ร่วมอุดมการณ์กับประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ในช่วงสุดท้าย นายจุรินทร์ กล่าวขอบคุณพี่น้องทุกคนที่สละเวลามาร่วมงาน และขอให้ช่วยกันสนับสนุนพรรคการเมืองของพี่น้องเองที่ชื่อว่า ประชาธิปัตย์ ให้สามารถเดินหน้าทางการเมืองเพื่อประโยชน์ของคนปักษ์ใต้และพี่น้องคนไทยทั้งประเทศต่อไป
อย่างไรก็ตาม จุรินทร์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมต่อกรณีการลงพื้นที่จังหวัดพังงาของพรรคภูมิใจไทย ว่า ตนไม่มีอะไรจะชี้แจง และไม่อยากไปยุ่งกับเรื่องนั้น ประชาธิปัตย์เราเน้นทำงานการเมืองสร้างสรรค์ และจะนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นผู้สมัคร นโยบาย หรือทิศทาง การทำงาน หลังการเลือกตั้ง เป็นสิ่งที่เรายึดมั่นและเดินทางไปตามแนวทางนี้
“การที่จะไปเที่ยวแขวะคนนั้นคนนี้ ไปทะเลาะคนนั้นคนนี้ไม่ใช่แนวทางที่เราจะเดิน ส่วนใครจะไปพื้นที่ไหน ผมไม่ไปเกี่ยงว่าพรรคนั้นไปพื้นที่นี้ได้ ไปพื้นที่โน้นไม่ได้ ประชาธิปัตย์ไปโน่นได้ ไปนี่ไม่ได้ ทุกพรรคก็มีสิทธิ์ที่จะไปหาเสียง ที่พังงาก็เป็นพื้นที่หนึ่งซึ่งประชาธิปัตย์เราก็มั่นใจว่าเมื่อถึงเวลา พี่น้องประชาชนคนพังงาก็ยังให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะครั้งนี้จะเป็นการเลือกตั้งใหญ่ครั้งแรกที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนพังงา” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
และเพิ่มเติมว่า ตนมีความมั่นใจว่าทั้ง 2 เขตไม่มีปัญหา เพียงแต่ตอนนี้ผู้สมัครในเขต 1 มีความชัดเจนแล้ว แต่เขต 2 มีคนที่มีศักยภาพทั้ง 2 คน ที่สนใจลงสมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้นจึงเห็นว่าเราอยากได้คนที่น่าจะได้รับเสียงตอบรับดีที่สุด ทั้งที่ทั้งคู่ก็ดีที่สุดอยู่แล้วทั้งคู่ มีคุณภาพที่สุด จึงใช้วิธีทำโพล และทั้ง 2 ท่านก็ยอมรับที่จะให้โพลเป็นตัวตัดสิน และผู้ที่ไม่ได้ลงเลือกตั้งครั้งนี้ก็ยังจะทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป ตนได้พูดคุยกับทั้งสองท่านแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การปะทะคารมกันระหว่าง 2 พรรคร่วมในครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เราต้องแยกกัน การแข่งขันทางการเมืองก็เป็นส่วนการแข่งขันทางการเมือง การทำหน้าที่ในฐานะพรรคร่วมก็เป็นการทำหน้าที่ในฐานะพรรคร่วม ซึ่งประชาธิปัตย์ไม่เคยมีปัญหาเลยในการทำหน้าที่ในฐานะพรรคร่วม เพราะเรามีหลักมีเกณฑ์ และมีจุดยืนแนวทางของเรา ประชาธิปัตย์นิ่งมากในการทำงานหน้าที่ในรัฐบาล 3 ปี จนขึ้นปีที่ 4 อะไรคือหลักการ อะไรเป็นสาระ อะไรไม่ใช่สาระ เราเข้าใจมันดีหมด เพราะฉะนั้นเมื่อเราอยู่ร่วมรัฐบาลเราก็ทำงานกับรัฐบาลได้เป็นอย่างดี และสร้างผลงานเยอะแยะมากมายไปหมด ส่วนการแข่งขันทางการเมืองเมื่อใกล้เลือกตั้งมันก็เป็นธรรมดาที่จะต้องแข่งกัน ประชาธิปัตย์ก็ต้องแข่งกับทุกพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในเรื่องการแข่งขันทางการเมืองจากอดีตที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์จะขึ้นชื่อในเรื่องการตอบโต้ทางการเมือง สำหรับการหาเสียงครั้งนี้จะมีรูปแบบเปลี่ยนไปอย่างไรหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า จะมุ่งเน้นแนวทางสร้างสรรค์ ซึ่งเราก็ยึดมั่นมาตลอด ยกเว้นว่าจำเป็นต้องชี้แจง เกิดการพาดพิงในสิ่งที่อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องชี้แจง ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อยู่ๆ จะไปเที่ยวแขวะคนนั้นก่อนคนนี้ก่อนไม่ทำหรอก