ไม่พบผลการค้นหา
กทม.เดินหน้าจัดระเบียบซากรถยนต์ ทิ้งร้างข้างทางท้องบนถนนทั่วกรุง ขอความร่วมมือประชาชนแจ้งเบาะแส แบ่งค่าปรับครึ่งหนึ่ง

สำนักข่าวไทยรายงาน สกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ติดตามการจัดระเบียบการจอดทิ้งซากรถยนต์ไว้บนถนน หรือสถานสาธารณะในพื้นที่เขตจตุจักร โดยมีสมศักดิ์ ชาติสุขศิริเดช ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ กทม.ร่วมลงพื้นที่ และมีศุภกฤต บุญขันธ์ ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ, อาฤทธิ์ ศรีทอง ผู้อำนวยการเขตจตุจักร รายงานสภาพปัญหาและผลการดำเนินการแก้ไขปัญหา พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่เทศกิจ เจ้าหน้าที่กองโรงงานช่างกล เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ เจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันดำเนินการขนย้ายซากรถยนต์ ณ บริเวณซอยรัชดาภิเษก 32 แยก 5-4 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร

รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.ได้มอบนโยบายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง เข้มงวดปัญหาการจอดทิ้งซากรถยนต์ไว้บนถนนหรือสถานสาธารณะ ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนร้องเรียนเข้ามามาก เนื่องจากกีดขวางการจราจร ส่งผลด้านความปลอดภัยและในส่วนของความมั่นคงจากการก่อวินาศกรรม

การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการดำเนินการติดตามเรื่องการยกซากรถยนต์ในเขตจตุจักร ซึ่งเป็นการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 เพื่อติดตามและกวดขันเรื่องการยกซากรถยนต์ในกรุงเทพมหานคร โดยเบื้องต้นได้รับแจ้งมาว่าในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีประมาณ 400 คัน สำนักเทศกิจสำรวจเพิ่มเติมพบอีก 126 คัน รวมทั้งสิ้น 526 คัน ที่เป็นฐานข้อมูลจะต้องทำการเคลื่อนย้าย ซึ่งได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายแล้ว 337 คัน โดยเจ้าของซากรถยนต์เป็นผู้เคลื่อนย้ายเอง 333 คัน

ทั้งนี้ จากการสำรวจซากรถยนต์ในพื้นที่เขตจตุจักรพบว่ามีทั้งหมด 33 คัน ทางสำนักงานเขตจตุจักรได้ปิดประกาศ เรื่อง ให้เคลื่อนย้ายซากรถยนต์ออกจากที่สาธารณะบริเวณดังกล่าว พร้อมสอบปากคำประชาชนบริเวณใกล้เคียงเพื่อยืนยันและรับรองว่าซากรถยนต์ดังกล่าวได้จอดทิ้งไว้นานและไม่ทราบเจ้าก่อนทำการเคลื่อนย้ายแล้ว ที่ผ่านมาสำนักงานเขตจตุจักรได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายซากรถยนต์แล้ว 15 คัน

สำนักงานเขตจตุจักร ร่วมกับ สำนักเทศกิจ กองโรงงานช่างกล และ สน.พหลโยธิน จะทำการเคลื่อนย้ายอีก 2 คัน ซึ่งได้ทำหนังสือแจ้งเจ้าของให้เคลื่อนย้ายซากรถยนต์แล้วแต่ยังไม่ดำเนินการเคลื่อนย้าย เขตจึงทำหนังสือประสาน สน.พหลโยธิน เพื่อตรวจสอบว่ารถยนต์ดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทางคดีหรือเป็นของกลางทางคดีหรือไม่ ซึ่งในการเคลื่อนย้ายซากรถยนต์ได้มีการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สน.พหลโยธิน ทั้งก่อนดำเนินการและหลังดำเนินการ

การดำเนินการเคลื่อนย้ายซากรถยนต์นั้น กทม.ได้ดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน แต่ยังขาดความพร้อมเรื่องรถยกซากรถยนต์ซึ่งสำนักเทศกิจได้ประสานความร่วมมือจากกองโรงงานช่างกลที่มีเพียง 2 คัน ดังนั้น สำนักเทศกิจจึงต้องจัดตารางการเคลื่อนย้ายซากรถยนต์ในพื้นที่เขตต่างๆ ในแต่ละวันเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างทั่วถึงทุกเขตโดยจะมุ่งเน้นซากรถยนต์ที่เคลื่อนย้ายลำบากก่อน

นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องสถานที่จัดเก็บซากรถยนต์ที่ยังไม่มีสถานที่ส่วนกลางไว้จัดเก็บอย่างเป็นสัดส่วนโดยในปัจจุบันต้องนำไปจัดเก็บในพื้นที่ที่สำนักเขตจัดหาไว้ก่อน ซึ่งจะนำปัญหาในการดำเนินการนำเสนอผู้ว่าฯ กทม.ในการประชุมคณะผู้บริหารเพื่อหาแนวทางแก้ไขต่อไป

รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวเพิ่มเติมว่า กทม.ขอความร่วมมือประชาชนหากพบเห็นการจอดทิ้งซากรถยนต์สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ฝ่ายเทศกิจทุกสำนักงานเขต หากเบาะแสดังกล่าวนำไปสู่การจับปรับ ผู้แจ้งเบาะแสจะได้ส่วนแบ่งค่าปรับครึ่งหนึ่งตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 18 ห้ามมิให้ผู้ใดทิ้ง วาง หรือกองซากยานยนต์บนถนนหรือสถานสาธารณะ และบทกำหนดโทษ มาตรา 56 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท

ทั้งนี้ ตามกฎหมายได้ระบุให้มีการสืบหาเจ้าของซากรถยนต์ก่อน โดยจะทำการติดประกาศ 15 วัน หากไม่พบเจ้าของ กทม.จะนำไปเก็บรักษาไว้ ในที่ที่สำนักงานเขตจัดไว้ ถ้ามีเจ้าของมาติดต่อจะดำเนินการเปรียบเทียบปรับ หากไม่มีเจ้าของมาติดต่อจะจัดเก็บซากรถยนต์ไว้ประมาณ 6 เดือน และเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการเขตในการขายทอดตลาดซากรถยนต์ดังกล่าวต่อไป