วันที่ 3 มี.ค. 2565 ปิยวัฒน์ พันธ์สายเชื้อ ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย ฐานะคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติงบกลาง วงเงิน 2,000 ล้านบาท จากเงินสำรองจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรนั้น รัฐบาลต้องมีความจริงใจที่จะช่วยเหลือเกษตรอย่างแท้จริง อย่าหวังเพียงใช้เงินงบประมาณปูฐานทางการเมืองในอนาคต น่าประหลาดใจที่หลายปีที่ผ่านมาไม่ทำแต่มาทำเอาในช่วงปีสุดท้ายของรัฐบาล จึงมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากการนำภาษีประชาชนมาหาเสียงให้กับรัฐบาลล่วงหน้า
ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาหนี้เกษตรกร ต้องครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ทุกกลุ่มเกษตรกร อย่าทำเพียงส่วนใดส่วนหนึ่ง นอกจากนี้พรรคร่วมรัฐบาลไม่ควรใช้โอกาสนี้ในการซื้อเสียงล่วงหน้า ทั้งนี้ที่ผ่านมา ชาวนาไม่เคยได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล โครงการประกันรายได้เป็นนโยบายหนึ่งที่ทำร้ายชาวนาเพราะคนที่ได้เงินส่วนต่างคือเจ้าของที่ดินที่ให้ชาวนาเช่าทำนา ไม่ใช่เกษตรกรแต่อย่างใด กรณีดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์ทราบแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะเกรงกระทบฐานเสียงของพรรคจึงปล่อยให้ชาวนาถูกเอาเปรียบมาตลอด
ปิยวัฒน์ กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สารภาพเองว่าไม่ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูอาชีพให้เกษตรกร เห็นได้จากกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ตั้งแต่ปี 2563-2565 กองทุนฯ ไม่เคยได้รับการจัดสรรงบสนับสนุนจากรัฐบาลแต่อย่างใด จึงทำให้กองทุนฯ มีงบไม่เพียงพอในการช่วยเหลือเกษตรกร การดำเนินการของกองทุนจึงมีอุปสรรคมากในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของพี่น้องเกษตรกร
“พล.อ.ประยุทธ์ ควรใช้อำนาจที่มีทำประโยชน์เพื่อเกษตรกรบ้าง สั่งการให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.ที่เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของเกษตรกรทั่วประเทศ ออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างจริงใจ หลายปีที่ผ่านมาธนาคารแห่งนี้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากชาวนาอย่างเต็มที่ สามารถสร้างกำไรให้ธนาคารหลายหมื่นล้าน เพราะ ธ.ก.ส.ไม่เคยมีนโยบายปรับโครงสร้างหนี้ให้เกษตรกร ส่งผลให้เกษตรกรไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินตัวเองได้เลย เกษตรกรหลายล้านคน ต้องตกอยู่ในวังวนหนี้สิน ไม่สิ้นสุด หากรัฐบาลจริงใจควรที่มอบนโยบาย ธ.ก.ส.เร่งคลอดนโยบายปรับโครงสร้างหนี้ของเกษตรกร โดยเร็วจะสามารถช่วยเกษตรกรได้อย่างแน่นอน”นายปิยวัฒน์ กล่าว