พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ทำหนังสือเพื่อขอส่งตัวแทน หารือกับรัฐบาลไทยกรณี นายฮาคีม อัล-อาไรบี อดีตนักฟุตบอลชาวบาห์เรน ที่ถูกจับกุมขณะเดินทางยังไทย หลังได้รับสถานะผู้ลี้ภัยจากออสเตรเลียแล้ว จึงเรียกร้องให้รัฐบาลไทยปล่อยตัวนายอัล-อาไรบี เดินทางกลับออสเตรเลีย โดยนายกฯยืนยันว่า การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะต้องเคารพกฎหมายของไทย ในเมื่อทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของไทย จะแทรกแซงการทำงานของศาลไม่ได้
นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ประเทศไทยยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศบาห์เรน ออสเตรเลีย และทางฟีฟ่า ซึ่งจะต้องหาทางออกในเรื่องดังกล่าวให้ได้ และเราเข้าใจถึงความเป็นห่วงของทางฟีฟ่า
ส่วนนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า เห็นควรให้ทางการออสเตรเลียและบาห์เรนคุยกัน ซึ่งทางการไทยได้ประสานให้ทราบแล้ว เพราะเห็นว่าต้องคุยกันน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เบื้องต้นทราบว่าได้มีการคุยกันแล้ว แต่ว่าจะไปแค่ไหนอย่างไรก็ต้องรอฟัง
ขณะที่เว็บไซต์เอบีซีนิวส์ สื่อออสเตรเลีย รายงานอ้างอิงคำแถลงของนางสาวบุษฎี สันติพิทักษ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทย ซึ่งระบุว่า รัฐบาลบาห์เรนได้ยื่นหนังสือถึงทางการไทยให้ส่งตัวฮาคีมกลับประเทศ เพื่อนำตัวไปพิจารณาคดีที่เขาไม่ไปปรากฏตัวต่อศาล หลังถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในข้อหาทำลายทรัพย์สินสถานีตำรวจในการชุมนุมประท้วงรัฐบาลบาห์เรนเมื่อปี 2555
นอกจากนี้ เว็บไซต์ซิดนีย์มอร์นิงเฮรัลด์ รายงานด้วยว่า นายสก็อต มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ได้ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของฮาคีม โดยเขาได้ยื่นจดหมายถึงรัฐบาลไทย คัดค้านการส่งตัวฮาคีมกลับไปยังบาห์เรน โดยย้ำว่า รัฐบาลบาห์เรนให้การคุ้มครองฮาคีมในฐานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง และออกวีซ่าพำนักอาศัยถาวรให้แก่เขาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จึงไม่มีเหตุผลที่ทางการไทยจะส่งตัวฮาคีมกลับไปยังบาห์เรน
ก่อนหน้านี้ นางมารีส เพย์น รมว.ต่างประเทศของออสเตรเลีย ได้เข้าพบตัวแทนรัฐบาลไทยแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านไซเบอร์และดิจิทัล เพื่อร่วมกันป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์และส่งเสริมโอกาสการค้าขายทางดิจิทัล และเพย์นยังได้เรียกร้องให้ไทยปล่อยตัวฮาคีม โดยย้ำว่าเขาได้รับสถานะผู้ลี้ภัยการเมือง และได้สิทธิพำนักถาวรจากรัฐบาลออสเตรเลียตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา
ขณะที่เอเว่น โจนส์ ผู้ประสานงานเครือข่ายช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในเอเชียแปซิฟิก APRRN ให้สัมภาษณ์ 'วอยซ์ออนไลน์' กรณีฮาคีม อัล-อาไรบี ถูกจับกุมในไทย โดยระบุว่าเป็นผลสืบเนื่องจากการออกหมายแดงของตำรวจสากลอินเตอร์โพล แต่หมายแดงดังกล่าวถูกยกเลิกไปแล้ว เนื่องจากเป็นการออกหมายโดยขัดต่อหลักการด้านสิทธิมนุษยชนของหน่วยงานอินเตอร์โพลเอง
โจนส์กล่าวว่า ฮาคีมได้รับสถานะผู้ลี้ภัยอย่างเป็นทางการในออสเตรเลียแล้ว การออกหมายจับของอินเตอร์โพลตามคำร้องของรัฐบาลบาห์เรนจึงมีผลเป็นโมฆะ การพิจารณาส่งตัวฮาคีมกลับไปยังบาห์เรนอาจทำให้เขาเสี่ยงต่อการถูกซ้อมทรมานและเสี่ยงภัยถึงชีวิต รัฐบาลไทยเป็นหนึ่งในประเทศผู้ลงนามในกฎหมายระหว่างประเทศที่ต่อต้านการซ้อมทรมาน จึงมีพันธกิจที่จะต้องคุ้มครองไม่ให้ฮาคีมต้องเผชิญกับการซ้อมทรมานเช่นกัน ทั้งยังต้องคำนึงถึงหลักการไม่ส่งกลับ หรือ non-refoulement ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะยึดมั่นในหลักการในระหว่างการประชุมสหประชาชาติเมื่อปี 2559 อีกด้วย
ทั้งนี้ ฮาคีม อัล-อาไรบี ถูกกล่าวหาว่าทำลายทรัพย์สินราชการ ในช่วงที่มีการประท้วงใหญ่ต่อต้านรัฐบาลบาห์เรนในปี 2555 แต่เขายืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะขณะเกิดเหตุกำลังแข่งขันฟุตบอลถ่ายทอดสด แต่ครอบครัวของฮาคีมเป็นหนึ่งในผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและราชวงศ์บาห์เรน ทำให้เขาและสมาชิกในครอบครัวถูกเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงของบาห์เรนจับกุมและซ้อมทรมาน ทำให้เขาตัดสินใจลี้ภัยไปยังออสเตรเลีย
ผู้ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในการประท้วงใหญ่ที่บาห์เรน รวมถึง ชีค ซัลมาน บิน-อิบรอฮิม อัล-คอลิฟะ เชื้อพระวงศ์แห่งบาห์เรน ซึ่งเคยลงสมัครชิงตำแหน่งประธานฟีฟ่าเมื่อปี 2559 และปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ประธานสหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือ AFC
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลออสเตรเลียพิจารณาคำร้องของฮาคีม รวมถึงหลักฐานเรื่องการถูกซ้อมทรมาน จึงตัดสินใจมอบสถานะผู้ลี้ภัยและวีซ่าพำนักอาศัยถาวรให้เขาตั้งแต่ปี 2560 และฮาคีมยังได้ทำสัญญาเป็นนักเตะของสโมสรฟุตบอลพาสโคเวลส์ของออสเตรเลียอีกด้วย
ฮาคีมติดต่อสถานทูตออสเตรเลียเพื่อทำเรื่องเดินทางมายังไทย เพราะเขาตั้งใจจะมาฮันนีมูนกับภรรยา แต่กลับถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุมที่สุวรรณภูมิในวันที่ 27 พ.ย. 2561 ทั้งยังถูกคุมขังในห้องกักจนถึงวันที่ 11 ธ.ค. ศาลไทยจึงตัดสินขยายเวลากักตัวฮาคีมอีก 60 วัน และสั่งให้คุมตัวเขาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพจนถึงขณะนี้
อ่านเพิ่มเติม