ไม่พบผลการค้นหา
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ชี้ประเทศก้าวสู่วิกฤต สะท้อนการบริหารของผู้นำขาดความสามารถ เตรียมรับผลจากการลงคะแนนเลือกตั้งครั้งใหม่

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษ (กพศ.) พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าวิกฤติโควิด-19 จะไม่เดินมาถึงการใช้มาตรการบังคับกับประชาชน ถ้าหากมาตรการแรกเริ่มรัฐบาลสามารถให้มีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือวางขายในราคาที่เป็นธรรมอย่างทั่วถึง มีอาหารจำเป็นราคาถูกไม่ขาดแคลนรับรองว่าการควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 จะอยู่ในภาวะวิสัยที่พี่น้องประชาชนจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี วันนี้คำตอบที่ของขาดแคลนยังคงเป็นปริศนา

ขณะเดียวกัน การประกาศใช้กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉิน ถูกตั้งคำถามกันอีกว่าควรประกาศหรือยัง เพราะสังคมค่อนข้างเชื่อว่าเครื่องมือกฎหมายปกติไม่ว่าจะเป็นพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มันน่าจะเพียงพอต่อการใช้ควบคุมสถานการณ์ได้และถ้าเข้าสู่ภาวะวิกฤต และยังจะมีพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในฯ รับมือได้ก่อนยังไม่ต้องข้ามขั้นมาใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะออกมาตรการใดมาก็ตาม หัวใจสำคัญนั้นก็คือทุกคนไม่ว่าประชาชนหรือเจ้าหน้าที่จำต้องมีอาวุธประจำกายติดตัวเพียงพอก่อนนั่นก็คือหน้ากากอนามัย เจลล้างมือและอาหารการกิน แถมเจ้าหน้าที่กองทัพดันร่วมเป็นต้นตอแพร่ระบาดเสียเอง

ดังนั้นรัฐบาลยิ่งจำต้องจัดการสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องเหล่านี้ให้ได้เสียก่อน มันก็จะนำสู่ความร่วมมือในทุกเรื่องได้อย่างง่ายดาย วิกฤตการณ์โควิดครั้งนี้ได้ฉายภาพใหญ่ให้เห็น ว่าผู้นำและนักการเมืองเก่าหลายคนเป็นจอมสร้างภาพ คุยโว ตระบัดสัตย์ เอาแต่เกี้ยเซียะผลประโยชน์ ไร้สปิริตความรับผิดชอบ กระทำผิดซ้ำซากแต่ก็ตะแบงแก้ตัวไปแบบขุ่นๆ ยึดหลักความหน้าด้าน เมื่อเปรียบเทียบกับนักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์อและนำเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาได้ชัดเจนน่าเชื่อถือ ยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตย ทำให้การเลือกตั้งครั้งหน้าที่ใกล้จะเกิดขึ้นจะเป็นบทพิสูจน์ ว่าพี่น้องประชาชนเขามองการณ์ไกลกันไปแล้ว และรู้ว่าควรจะเลือกคนประเภทใดมาเป็นผู้แทนของเขา

อ่านเพิ่มเติม