มหาเธร์ในวัย 97 ปี ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียมานานกว่า 2 ทศวรรษใน 2 วาระ แพ้การเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาในเขตเลือกตั้งของเกาะลังกาวี ด้วยคะแนนอันดับที่ 4 จากผู้ลงรับเลือกตั้ง 5 ราย ทั้งนี้ ที่นั่ง ส.ส.เกาะลังกาวีตกเป็นของ โมฮัมหมัด ซูไฮมี อับดุลเลาะห์ ผู้สมัครจากกลุ่มพันธมิตรเปอริกาตัน ซึ่งนำโดย มูห์ยิดดิน ยัสซิน อดีตนายกรัฐมนตรี
การพ่ายแพ้ของมหาเธร์ในครั้งนี้ นับเป็นการแพ้เลือกตั้งครั้งแรกของอดีตนายกรัฐมนตรีวัย 97 ปี นับตั้งแต่ปี 2512 โดยก่อนหน้านี้ มหาเธร์ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มพันธมิตรทางการเมืองของตน ได้ออกมาสาบานตัวว่า เขาจะโค่นล้มรัฐบาลพรรคร่วมบาริซาน เนชันแนล ซึ่งมหาเธร์กล่าวหาในเรื่องการทุจริตให้ได้ อย่างไรก็ดี มหาเธร์ไม่ได้เป็นคู่แข่งคนสำคัญของบาริซาน เนชันแนล แต่ศัตรูคนสำคัญกลับเป็นกลุ่ม ส.ส.ของมูห์ยิดดิน และ อันวาร์ อิบราฮิม คู่แค้นมหาเธร์ตลอดกาล
ก่อนหน้านี้ มหาเธอร์ให้สัมภาษณ์กับทาง Reuters ในเดือนนี้ว่า เขาจะยอมเกษียณตัวเองออกจากวงการเมืองมาเเลเซีย หากเขาแพ้การเลือกตั้งในรอบนี้ “ผมไม่เห็นตัวเองจะมีบทบาทเชิงรุกในทางการเมืองไปจนถึงอายุ 100 ปี” มหาเธร์ระบุ “สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การถ่ายโอนประสบการณ์ของผมไปให้กับผู้นำรุ่นใหม่ของพรรค”
การเลือกตั้งทั่วไปอันแสนวุ่นวายของมาเลเซียจบลงไปแล้วเมื่อวานนี้ โดยกลุ่มพันธมิตรฝ่ายค้าน ที่นำโดยผู้นำอย่าง อันวาร์ คว้าที่นั่งไปได้มากที่สุด ตามมาด้วยกลุ่มการเมืองต่างๆ รวมถึงพรรคอิสลามของมาเลเซีย ซึ่งมีที่นั่งตามหลังอยู่ไม่กี่ที่นั่ง อย่างไรก็ดี ยังคงไม่มีความแน่ชัดว่าใครจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลมาเลเซียได้ แม้อันวาร์จะออกมาประกาศว่า เขาเตรียมส่งจดหมายถึงสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลละฮ์ ชะฮ์ ยังดีเปอร์ตวนอากงแห่งมาเลเซีย เพื่อระบุรายละเอียดคะแนนสนับสนุนของตน ในการจัดตั้งรัฐบาลและขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศ
กลุ่มพันธมิตรปากาตัน ฮาราปัน (PH) ของอันวาร์ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนในรัฐสภาไป 82 ที่นั่ง ของรัฐสภาที่มีสมาชิก 222 คน ในขณะที่กลุ่มเปอริกาตัน เนชันแนล (PN) ของมูห์ยิดดิน ตามหลังด้วย 73 ที่นั่ง ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งมาเลเซีย ระบุในช่วงเช้าของวันนี้ (20 พ.ย.) ว่า การเลือกตั้งถูกระงับลงในเขตเลือกตั้งรัฐซาราวัก เกาะบอร์เนียว หลังจากเกิดเหตุน้ำท่วม ทำให้เจ้าหน้าที่การเลือกตั้งและผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่สามารถไปยังหน่วยเลือกตั้งบางแห่งได้
อย่างไรก็ดี พรรคร่วมรัฐบาลบาริซาน เนชันแนล ของ อิสมาอิล ซาบรี ยาคอบ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนปัจจุบัน ซึ่งปกครองประเทศภายใต้พรรคองค์การมลายูรวมแห่งชาติ (อัมโน) ประสบกับความผิดหวังครั้งใหญ่ หลังจากคว้าที่นั่งในการเลือกตั้งไปได้แค่เพียง 30 ที่นั่ง นับเป็นการพลิกขั้วภูมิทัศน์ทางการเมืองมาเลเซียอย่างรุนแรง นับตั้งแต่มาเลเซียได้รับเอกราชเมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้ว
อันวาร์และมูห์ยิดดินต่างออกมาอ้างว่า กลุ่มพันธมิตรของพวกตนได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาล แม้ว่าพวกตนจะไม่ได้เปิดเผยว่าพรรคใดบ้างที่จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรด้วย ทั้งนี้ กุญแจสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล คือ รัฐบอร์เนียวของซาบาห์และซาราวัก ซึ่งมีอิทธิพลในการเมืองมาเลเซียระดับสหพันธรัฐมายาวนาน โดยการเจรจาแนวร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะดำเนินต่อไปในวันนี้
การเมืองของมาเลเซียเริ่มแตกหักมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลังชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ของแนวร่วมปากาตันในปี 2561 ซึ่งจุดชนวนให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองในหมู่กลุ่มชาติพันธุ์มาเลย์ ที่แสดงความกังวลเกี่ยวกับเชื้อชาติและศาสนาในประเทศที่ส่วนใหญ่เป็นชาวมาเลย์มุสลิม แต่มีชุมชนสำคัญของชนพื้นเมือง และกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ อย่างคนจีนและอินเดีย
ความวุ่นวายของการย้ายขั้วทางการเมืองมาเลเซีย ยังผลให้ประเทศเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีใหม่ 3 คนในไม่กี่ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ผลการเลือกตั้งในรอบนี้ ที่มีผู้มาใช้สิทธิกว่า 70% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ออกมาเป็นไปตามการคาดการณ์ว่า จะไม่มีพรรคและกลุ่มการเมืองมาเลเซียที่ได้คะแนนเสียงขาด และเสียงที่เป็นเบี้ยหัวแตกจะทำให้พรรคเล็กของมาเลเซีย สามารถเป็นตัวกำหนดเกมการจัดตั้งรัฐบาลได้
ที่มา: