วันที่ 16 ก.พ. ที่อาคารรัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงในการประชุมสภาฯ อภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 วันที่สอง ถึงกรณีคดีตู้ห่าว ว่า พฤติกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นมานานพอสมควรตั้งแต่ก่อนปี 57 ซึ่งตู้ห่าวเข้ามาตั้งแต่ปี 54 รวมถึงการอนุมัติสัญชาติ ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าที่ผ่านมาไม่มีใครทราบเลยหรือ แต่วันนี้เท่าที่ตนทราบก็ให้ได้ดำเนินการสืบสวน พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลนี้ไม่มีแน่นอนกรณีซื้อหมู่บ้านแล้วแถมสัญชาติ และที่ผ่านมาตนก็ได้เจอ ชูวิทย์ ซึ่งก็ส่งข้อมูลให้ตำรวจต่อไปโดยบางอย่างก็เปิดเผยได้และบางอย่างเปิดเผยไม่ได้
ส่วนกรณีตำรวจออกหมายเรียก ส.ว.อุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา นั้น ตำรวจได้มีการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องและขยายผลดำเนินคดีได้หลายราย โดยบางรายก็หลบหนีไป ส่วนที่ ส.ส. อภิปรายว่ามี ส.ว.เข้าไปเกี่ยวข้องนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดำเนินการอยู่ พร้อมย้ำว่าตนสั่งไม่ได้อยู่แล้ว ซึ่งสอบสวนถ้ามีใครเกี่ยวข้องก็จะออกหมายเรียก และไม่ต้องพบภายใน 15 วันก็ไม่ออกหมายจับ
"เรื่องนี้ผมไม่ขอไปก้าวก่าย ไม่ได้ช่วยเหลือใคร นี่คือกระบวนการทางกฎหมายกระบวนการยุติธรรมก็เป็นแบบนี้ ที่ผมพูดแบบนี้ไม่ใช่กระบวนการฝ่ายบริหาร แต่เป็นกระบวนการยุติธรรม"
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการจับกุมผับทุนจีน "ผับจินหลิง" ว่า ขณะนี้ตำรวจก็ดำเนินการสืบสวนและจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนที่บอกว่ามีมีตำรวจไปเกี่ยวข้องนั้น ทางผู้บังคับบัญชาก็ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและมีคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อนไปแล้ว ซึ่งรายใดเข้าข่ายความผิดทางอาญา ก็ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนที่บอกย้ายคนขยันนั้นเป็นเรื่องของการแต่งตั้งของ ผบ.ตร. ที่พิจารณาตามหลักเกณฑ์
ส่วนกรณีที่อ้างเรื่องการตั้งสมาคมปลอม เพื่อทำเอกสารวีซ่าให้ธุรกิจสีเทาเข้าประเทศ ช่วงปี 63-64 กว่า 7 พันคนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า สตช. ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและชี้แจงข้อมูลให้สื่อมวลชนทราบเป็นระยะแล้ว ซึ่งตำรวจก็ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่มีข้อยกเว้น ตนยืนยันเสมอว่า จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวข้องในเรื่องนี้เด็ดขาดเพราะทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน
พล.อ.ประยุทธ์ ยังชี้แจงถึงกรณีที่ถูกอภิปรายเรื่องคอรัปชั่น ว่า ตนไม่อยากย้อนกลับไป หลายคนก็กล้าพูดออกมา เพราะอดีตรัฐมนตรีหลายคนก็มีปัญหาเรื่องคอรัปชั่นจนต้องติดคุก หลายคนต้องไปต่างประเทศ ซึ่งรัฐมนตรีของตนตั้งแต่ปี 57 ยังไม่มีใครติดคุกสักราย ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง
ส่วนที่ถูกอภิปรายเรื่อง กอ.รมน. นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า กอ.รมน. เป็นหน่วยงานที่ถูกตั้งขึ้นมาภายใต้กฎหมายโดยมีนายกฯเป็น ผอ. ซึ่งก่อนหน้านั้นนายกรัฐมนตรีทุกคนเป็น ผอ. แล้วก่อนหน้านั้นนายกฯ ของท่านก็เป็น ผอ.ซึ่งผมก็ทำงานกับท่าน ฉะนั้นหลายประเทศก็มีหน่วยงานลักษณะเช่นนี้เหมือนกัน พร้อมย้ำว่าไม่ใช่เพื่อรักษาอำนาจให้ตน
ส่วนการนิรโทษกรรม นายกฯ ระบุว่า เป็นเรื่องของสภาฯ ซึ่งตนก็ไม่เห็นด้วย ส่วนกรณีที่เด็กอายุ 14 ปีออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ตนอยากจะถามว่าเขาออกมาเพื่ออะไร ซี่งหลายคนก็แอบอยู่ข้างหลัง
ส่วนเรื่องยาเสพติดที่กล่าวหาว่าตนไม่รับผิดชอบนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าอ้างว่ามีคนได้ประโยชน์ก็แจ้งมา หากพูดไปป่าวๆก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก ขอเสนอการก่อเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเราก็พยามแก้ ซึ่งเราก็จะช่วยกันแก้ไขต่อไป ไม่ใช่เรื่องยาเสพติดฆ่าคุณทิ้งไป 2-3 พันคนมันแก้ได้ไหม พร้อมย้ำว่าปัญหายาเสพติดเป็นเรื่องที่รัฐบาลเตรียมแก้ไข ฉะนั้นเราต้องรักษากฎหมายและประพฤติตนตามกฏหมายที่ดีที่สุดของเรา ซึ่งคนเลวก็ต้องถูกกำจัดไป ส่วนการปราบปรามและสกัดกั้นเราก็มีการตรวจสอบตามแนวชายแดน โดยมีการปะทะสัปดาห์อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ซึ่งวันนี้เราก็ลงไปแก้ในเรื่องนี้ด้วย โดยที่ผ่านมาก็มีการปราบปรามยาเสพติดเชิงรุก ปี 65-66 จับกุมมากกว่า 1.5 พันคดี ผู้ต้องหามากกว่า 2.5 พันคน ซึ่งก็ยังต้องจับกุมอยู่เรื่อยๆ
พร้อมย้ำว่า สิ่งเหล่านี้ทุกรัฐบาลต้องรับผิดชอบ และนายกฯ ทุกคนต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นโดยใช้กระบวนการยุติธรรมและเคารพอำนาจของกระบวนการยุติธรรมต่างๆ เพราะประเทศใดไร้คือกฎหมายมันก็ไม่ใช่ประเทศ วันหน้ามันก็แตกไปหมด พร้อมขอบคุณที่ทุกคนช่วยทำให้บ้านเมืองไม่แตกแยก เพราะถ้าบ้านเมืองแตกแยกเราก็จะไปไหนไม่ได้ ซึ่งสิ่งที่เราทำวันนี้ก็พยายา ทำให้บ้านเมืองก้าวไปสู่อนาคตให้ดีที่สุด และจากที่ตนเดินทางไปต่างประเทศ ผู้นำหลายประเทศก็ไม่รังเกียจตนสักคนเลย พร้อมย้ำว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่เท่าเทียมกัน การแยกคนทุกกลุ่มทุกฝ่ายไปหมดมันไม่ใช่ประชาธิปไตยชุดที่ถูกต้อง เพราะประชาธิปไตยที่ถูกต้องคือต้องมีสิทธิเสรีภาพและหน้าที่ โดยไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ซึ่งเด็กของเราหลายคนถูกบิดเบือนไปฉะนั้นก็ขอให้รับผิดชอบในวันหน้าด้วยแล้วกัน