ไม่พบผลการค้นหา
อันด์แชย์ ดูดา ประธานาธิบดีโปแลนด์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ถึงเหตุการณ์ขีปนาวุธที่ผลิตขึ้นในรัสเซียตกใส่ดินแดนของโปแลนด์ จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเป็นพลเรือนชาวโปแลนด์ 2 รายว่า “อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ” ของระบบป้องกันทางอากาศของยูเครน

“ไม่มีข้อบ่งชี้ว่านี่เป็นการโจมตีโดยเจตนาต่อโปแลนด์ (ขีปนาวุธดังกล่าว) น่าจะเป็นจรวด S-300 ที่ผลิตโดยรัสเซีย (แต่) เราไม่มีหลักฐานในขณะนี้ว่าเป็นขีปนาวุธที่ยิงโดยฝ่ายรัสเซีย” ดูดาทวีตข้อความก่อนระบุเสริมว่า มี "สัญญาณบ่งชี้หลายอย่าง" ว่ามันเป็นขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน ซึ่ง "โชคไม่ดีที่ตกลงบนดินแดนโปแลนด์"

ประธานาธิบดีโปแลนด์ย้ำว่า “มีโอกาสที่สูง” ว่าขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนหัวหนึ่ง ได้ตกลงบนอาณาเขตของโปแลนด์ ทั้งนี้ ขีปนาวุธที่โจมตีทางตะวันออกของโปแลนด์ และตกลงใส่หมู่บ้านปรีเชวูดาว ถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ถูกโจมตีโดยตรงระหว่างความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 รายในเหตุการณ์

“ไม่ใช่การระเบิดครั้งใหญ่ แต่ก็ยังเป็นการระเบิด” ดูดากล่าวพร้อมย้ำว่าไม่มีสิ่งใดแสดงให้เห็นว่าเป็น "การโจมตีโดยเจตนา" ต่อโปแลนด์ โดยประธานาธิบดีโปแลนด์ได้เพิ่มความพร้อมรบของกองกำลังของตน นอกจากนี้ ดูดายังกล่าวอีกว่าเขาได้พูดคุยกับ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวกับความพร้อมรบที่เพิ่มขึ้นของฐานทัพอากาศสหรัฐฯ ในโปแลนด์แล้ว

ก่อนหน้านี้ โปแลนด์ระบุว่า ตนจะพิจารณาขอเปิดการประชุมพิเศษตามกฎบัตรมาตรา 4 ของ NATO นอกจากนี้ กฏบัตรมาตรา 5 ของ NATO ยังกำหนดอีกว่า การโจมตีสมาชิกชาติหนึ่งของพันธมิตรทางทหาร ถือเป็นการโจมตีต่อทุกชาติสมาชิก แต่การปฏิบัติตามสนธิสัญญา NATO ในมาตรา 5 ไม่น่าจะเกิดขึ้นจากการโจมตีโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยเฉพาะหากการออกมาระบุในครั้งล่าสุดของประธานาธิบดีโปแลนด์เป็นความจริงที่ว่า รัสเซียไม่ได้เจตนาโจมตีด้วยขีปนาวุธใส่โปแลนด์ และเหตุสลดดังกล่าวเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุจากระบบป้องกันทางอากาศของยูเครน ตามหลักฐานเบื้องต้น

ในอีกด้านหนึ่ง เยนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการ NATO ได้ออกมากล่าวในครั้งล่าสุดว่า การสอบสวนในช่วงต้นชี้ให้เห็นว่า การโจมตีที่รุนแรงในโปแลนด์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (15 พ.ย.) "น่าจะ" เกิดจากขีปนาวุธป้องกันทางอากาศของยูเครน "การวิเคราะห์เบื้องต้นของเราชี้ให้เห็นว่าเหตุการณ์นี้ น่าจะเกิดจากขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน ที่ถูกยิงเพื่อปกป้องดินแดนยูเครนจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธร่อนของรัสเซีย" สโตลเทนเบิร์กกล่าวระหว่างการแถลงข่าววันพุธ (16 พ.ย.) ที่กรุงบรัสเซลส์

อย่างไรก็ดี เลขาธิการ NATO ระบุว่า “แต่ผมขอพูดให้ชัดเจนว่า นี่ไม่ใช่ความผิดของยูเครน” สโตลเตนเบิร์กยังระบุอีกว่า "รัสเซียต้องรับผิดชอบสูงสุดในขณะที่ยังคงทำสงครามกับยูเครนอย่างผิดกฎหมายต่อไป" ทั้งนี้ เลขาธิการ NATO กล่าวเสริมว่า "เราไม่มีข้อบ่งชี้ว่ารัสเซียกำลังเตรียมปฏิบัติการทางทหารเชิงรุกต่อ NATO"

นอกจากนี้ กองทัพอากาศยูเครนได้ออกมาแถลงล่าสุดว่า ตนพร้อมให้ความร่วมมือกับทางการโปแลนด์ และพร้อมจะ "ทำทุกสิ่งทุกอย่าง" เพื่อช่วยดำเนินการสืบสวนสอบสวนกับเหตุการณ์ขีปนาวุธตกใส่ประเทศเพื่อนบ้านของตน อย่างไรก็ดี กองทัพอากาศยูเครนระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าว "เป็นผลพวงจากสงคราม" ที่ก่อขึ้นโดยรัสเซีย

ก่อนหน้านี้ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกมาระบุกับสื่อมวลชน ขณะการประชุมที่ G20 ณ บาหลี ประเทศอินโดนีเซียว่า ขีปนาวุธดังกล่าว “ไม่น่าจะ” ถูกยิงมาจากทางฝั่งรัสเซีย โดยสหรัฐฯ และพันธมิตรยังคงให้การสนับสนุนโปแลนด์ในการสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวต่อไป

ทางการรัสเซียได้ออกมาปฏิเสธว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้นในขณะเดียวกันกับที่รัสเซียเปิดฉากยิงขีปนาวุธหลายร้อยหัวถล่มใส่หลายเมืองของยูเครน จนส่งผลให้ประชาชนทั้งในยูเครนและมอลโดวาถูกตัดขาดจากการเข้าถึงพลังงาน นอกจากนี้ สื่อของรัสเซียยังรายงานว่ายูเครนเป็นผู้ยิงขีปนาวุธใส่โปแลนด์ ทั้งนี้ ยูเครนปฏิเสธว่าการรายงานดังกล่าวของรัสเซียเป็น “ทฤษฎีสมคบคิด”