รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศมาตรการเข้มงวดกับธุรกิจความเสี่ยงสูง 12 ประเภทในการป้องกันโควิด-19 อีกครั้ง เช่น การปิดพิพิธภัณฑ์ ไนท์คลับ ร้านอาหารบุฟเฟต์ และบาร์คาราโอเกะในกรุงโซลอินชอนและกยองกี อีกทั้งยังแบนการรวมตัวภายในอาคารเกิน 50 คน และการรวมตัวกลางแจ้งเกิน 100 คน
เกาหลีใต้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถต่อสู้กับโควิด-19 ได้อย่างดี เนื่องจากรัฐบาลทุ่มทรัพยากรลงไปกับการตรวจเชื้อประชาชนแบบปูพรม และยังมีการให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง แต่ล่าสุด เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นถึงหลักร้อยทุกวันมาเป็นเวลา 1 สัปดาห์แล้ว
ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่เพิ่มขึ้นถึง 297 คน จนยอดผู้ติดเชื้อทั้งหมดขึ้นมาที่ 16,058 คน จากช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มียอดผู้ติดเชื้อรายวันอยู่ที่ประมาณ 40 คนเท่านั้น
ก่อนจะปิดพิพิธภัณฑ์และสถานบันเทิง ทางการเกาหลีใต้ได้แบนพิธีกรรมทางศาสนาที่ให้คนไปรวมตัวกัน และขอให้ผู้ไปโบสถ์กักตัวเองอยู่บ้านและตรวจหาเชื้อ หลังจากพบว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับโบสถ์ซารังเจอิล โดยมีรายงานว่ามีคนติดเชื้อจากโบสถ์ซารังเจอิลอย่างน้อย 457 คนแล้ว และบาทหลวงจุนควังฮุน บาทหลวงที่วิพากษ์วิจารณ์มุนแจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่อง จากโบสถ์ซารังเจอิล ก็เพิ่งได้รับการยืนยันว่าติดโควิด-19
การติดเชื้อในโบสถ์ซารังเจอิลทำให้หลายคนกังวลว่าการแพร่ระบาดจะกระจายวงกว้างขึ้นคล้ายกับการแพร่ระบาดระลอกแรกที่มีศูนย์กลางการระบาดอยู่ที่โบสถ์ของลัทธิชินชอนจิ ซึ่งทำให้มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 5,200 คน ถือเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้
นอกจากนี้ 10 คนที่เพิ่งติดเชื้อยืนยันว่าได้ไปร่วมการประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่กรุงโซลเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
จองอึน-คยอง ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้กล่าวว่า “เรากำลังเผชิญวิกฤต หากไม่ควบคุมการแพร่ระบาดในปัจจุบัน ก็อาจทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มแบบก้าวกระโดด ซึ่งจะนำไปสู่การล่มสลายของระบบสาธารณสุขและความเสียหายทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่”
ที่มา : BBC, Yonhap News, Al Jazeera