ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯแพทองธาร ขอบคุณ 'หาน จื้อเฉียง' เอกอัครราชทูตจีน เข้าพบในโอกาสครบวาระ มั่นใจหมีแพนด้าใหม่มาแน่ ด้าน รมว.พณ. ขอบคุณจีน ทุกสินค้าไทยไปจีนค้าขายเติบโตทุกมิติ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ภายหลังจากนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ให้การต้อนรับ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ในการเข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่ออำลาใน โอกาสครบวาระ นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณท่านทูตฯและทางการจีนในทุกมิติในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ไทยจีนซึ่งภายในปีนี้ จะมีข่าวดีในเรื่องหมีแพนด้ายักษ์คู่ใหม่มาประเทศไทย

ขณะที่วานนี้ (6 มิถุนายน 2568) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ร่วมกันเลี้ยงรับรองเพื่อเป็นเกียรติแก่ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เนื่องในโอกาสครบวาระการดำรงตำแหน่ง โดยมีคณะจากสถานทูตจีนเข้าร่วม ได้แก่ นายอู๋ จื้ออู่ อัครราชทูต นายเจียง เหว่ย อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการพาณิชย์ และนางสาวจาง เซียวเซียว ที่ปรึกษาฝ่ายการพาณิชย์

S__91406345.jpg

นายพิชัย เปิดเผยว่า ได้ใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อท่านทูตจีนที่ให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์อย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทย โดยเฉพาะการสนับสนุนการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยสู่ตลาดจีนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการเปิดตลาดโคมีชีวิต การอำนวยความสะดวกด้านพิธีการศุลกากร และการผลักดันให้จีนเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรไทย เช่น ข้าว มันสำปะหลัง และผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งมีศักยภาพสูงในตลาดจีน

“ได้ขอให้ท่านทูตและสถานทูตจีนช่วยผลักดันสินค้าเกษตรของไทยเข้าสู่ตลาดจีนมากขึ้น โดยเฉพาะมันสำปะหลัง ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมสูง และน่ายินดีที่หลังจากมีการลงนามข้อตกลงการค้าระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับรัฐบาลจีน ปรากฏว่าไทยสามารถส่งออกมันสำปะหลังไปจีนได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 3 เท่า”

นายพิชัยกล่าวต่อไปว่า ขณะที่ข้าวไทย 4 เดือนแรก ม.ค.- เม.ย. ปี 2568 ส่งออกไปจีน ปริมาณ 202,889 ตัน เพิ่มขึ้น 77.67% คิดเป็นมูลค่า 3,574 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.31% ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จของการสานสัมพันธ์อันดี ระหว่างไทย-จีน ในโอกาสครบรอบ 50 ปี ซึ่งตนและท่านทูตหาน จื้อเฉียง มีต่อกันตลอดระยะเวลาทำงานกันอย่างใกล้ชิดในช่วงที่ผ่านมา โดยยังเน้นย้ำถึงความตั้งใจของทั้งสองฝ่ายในการกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค โดยเฉพาะในกรอบความร่วมมืออาเซียน รวมทั้งการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในปี 2569 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญในการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น“นายพิชัยกล่าว

ขณะที่ เอกอัครราชทูตจีน ได้แสดงความตั้งใจที่จะสนับสนุนการส่งเสริมการค้าอาทิ การเปิดตลาดโคมีชีวิต ซึ่งคาดว่า ไทยจะสามารถส่งออกไปจีนได้ในเร็วๆ นี้ 

ด้านการลงทุนเชื่อว่าจะมีนักลงทุนและนักธุรกิจจากจีนเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยพร้อมผลักดันให้ชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่งชาวจีนชอบมาท่องเที่ยวประเทศไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

และสำหรับผลไม้ไทย ก็เป็นที่นิยมในจีนอยู่แล้ว เชื่อว่าจะสามารถส่งออกได้มากขึ้น ที่ผ่านมาทางสถานทูตจีนและกระทรวงพาณิชย์ก็ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดและอำนวยความสะดวกในการส่งออกทุเรียนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อได้รับคำร้องขอจากกระทรวงพาณิชย์ให้ผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ทางสถานทูตก็ได้ดำเนินการประสานงานจนการส่งออกทุเรียนเป็นไปอย่างไหลลื่น

ทั้งนี้ จีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยมาตั้งแต่ปี 2556 โดยการค้าระหว่างไทยกับจีนในปี 2567 ไทยและจีนมีมูลค่าการค้ารวม 115,851.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.33 จากช่วงเดียวกันของปี 2566 แบ่งเป็นไทยส่งออก 35,243.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.13 และไทยนำเข้า 80,608.00 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.81 สำหรับปี 2568 (ม.ค.-เม.ย) การค้ารวมระหว่างไทยกับจีนมีมูลค่า 43,895.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.20 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นการส่งออก 12,331.50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ14.30 และเป็นการนำเข้า 31,564.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.55 โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญจากไทยไปจีน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ยางพารา เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เป็นต้น ขณะที่สินค้านำเข้าที่สำคัญ เช่น เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เคมีภัณฑ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น