นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวชี้แจงข้อกฎหมายและการอนุญาตให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ ว่า แม้จะมีการผ่อนปรนการใช้ประโยชน์กัญชาทางการแพทย์แล้ว แต่ประเทศไทยยังถือว่ากัญชาเป็นสารเสพติดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ประเภทที่ 5 ซึ่งการปลูก การผลิต - นำเข้า จำหน่าย และใช้ประโยชน์ใดๆ จากกัญชาจะต้องได้รับการอนุญาตเพื่อดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดทั้งกรณีของหน่วยงานรัฐ สถาบันอุดมศึกษาที่ทำหน้าที่ศึกษาวิจัย จัดการเรียนการสอนทางการแพทย์ รวมถึงผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์ อาทิ ด้านเวชกรรมศาสตร์ เภสัชศาสตร์ สัตวแพทย์ หมอพื้นบ้าน ตลอดจนวิสาหกิจชุมชนต้องดำเนินการภายใต้เงื่อนไขและความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐที่ได้รับการอนุญาตเท่านั้น
สำหรับการขออนุญาตจะยื่นขอต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเพื่อพิจารณาตั้งแต่ประเด็นการขอปลูก โดยการกำหนดพื้นที่ปลูกต้องสอดคล้องกับแผนการผลิตและจำหน่าย กรณีปลูกเพื่อศึกษาวิจัยต้องมีความเหมาะสมกับนำใช้ประโยชน์ สำหรับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้เพื่อการรักษาโรคเฉพาะตัวมีการผ่อนปรนให้ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ใช้บังคับให้ไม่ต้องรับโทษในช่วงระยะเวลา 3 เดือนหลังประกาศใช้ได้แจ้งขอครอบครอง หลังจากนั้นหมดระยะเวลาผ่อนปรนจะต้องให้และเป็นผู้ตรวจรักษาและสั่งจ่ายการใช้สารสกัดกัญชาอย่างถูกต้อง ไม่สามารถหาซื้อ หรือ สกัดเองได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง