พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทยและประธานศูนย์ ศปถ.เผยมุ่งบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างเต็มกำลังโดยเฉพาะในช่วงการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2561 – 2 มกราคม 2562 โดยเน้นไปที่รถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นนานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตสูงสุด
รวมถึงกวดขันปัจจัยเสี่ยง 3 กรณีได้แก่ ขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ และไม่สวมหมวกนิรภัยควบคู่กับการสร้างการมีส่วนร่วมลดอุบัติเหตุในพื้นที่ตามแนวทางประชารัฐเพิ่มความเข้มข้นตั้งด่านตรวจ ด่านชุมชน จุดสกัด จุดบริการในเส้นทางหลักเส้นทางรอง เส้นทางเชื่อมระหว่างตำบล หมู่บ้าน
พล.อ. อนุพงษ์ เน้นย้ำว่ามาตรการต่าง ๆ จะมีการเข้มงวดขึ้นระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2561 - 2 มกราคม 2562 โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงและสีส้ม 144 อำเภอจะใช้มาตรการทั้งหมดให้เข้มแข็งที่สุดและเมื่อจบช่วงเทศกาลจะประเมินมาตรการต่าง ๆ เพื่อนำไปปรับแก้กฏหมายเพื่อป้องกันความสูญเสียต่อไป โดยเฉพาะเมื่อดื่มสุราแล้วไม่สามารถปล่อยให้ขับขี่ต่อไปได้ คงต้องยึดรถไว้ โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ในถนนสายรอง พล.อ. อนุพงษ์กล่าวว่า วันนี้เปิดศูนย์ข้ามยาวช่วงปีใหม่และหลังปีใหม่ไปจนตลอดปี จะรณรงค์การบังคับใช้กฏหมายและสร้างความตระหนักให้มากขึ้น
สำหรับการบังคับใช้กฏหมาย พล.อ. อนุพงษ์ ได้กล่าวถึงปัญหาที่เกิดจากการใช้ยานพาหนะด้วยความเร็วสูงทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ การดื่มสุรา ซึ่งเป็นเรื่องที่ทราบดีจึงพัฒนามาตรการเรื่อยมา ทั้งการขอความร่วมมือจากประชาชนบนถนนสายหลักและสายรอง และการลดจำนวนเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์เพื่อเอาผิด พล.อ. อนุพงษ์กล่าวว่าเมื่อบังคับใช้มาตรการอย่างเข้มงวดแล้วคาดหวังว่าประชาชนจะให้ความร่วมมือจากการสร้างความรับรู้ให้ปฏิบัติตามกฏหมาย
โดยประธาน ศปถ. กล่าวว่าจะมีการนำบทเรียนช่วงเทศกาลปีนี้ไปใช้ปรับปรุงกฏหมายซึ่งกำลังเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณาภายในเดือน ก.พ. 2562 โดยจะมีการประมวลและประเมินผลหลังสิ้นสุด 'เจ็ดวันอันตราย' นี้ โดยกล่าวว่า ณ ขณะนี้พอใจกับมาตรการที่บังคับใช้กับรถจักรยานยนต์ แต่ขอรอการประเมินหลังช่วงเทศกาลว่าจะเป็นอย่างไร และหากผลออกมาว่าประชาชนยังขับรถเร็วมากและยังดื่มสุรามากก็อาจต้องพิจารณาหามาตรการอบรมหรือเพิ่มบทลงโทษในอนาคตต่อไป