นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พูดในรายการ “คุยกับเศรษฐา” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยวันนี้ (20 กรกฎาคม 2567) ถึงโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของประชาชน ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ว่า ปัญหาที่ดินทำกินยังคงเป็นปัญหา เพราะว่าสิ่งที่ทำกิน ที่ดินสามารถทำอะไรได้หลาย ๆ อย่าง เป็นต้นทุนในการหากระแสเงินสดหรือการเลี้ยงชีพก็ได้ โดยรัฐบาลทำงานร่วมกับกองทัพไทยในการที่จะมอบที่ดิน 72,000 ไร่ให้กับประชาชน ซึ่งจะมีการ Kick off เร็ว ๆ นี้ ณ จังหวัดนครพนม ซึ่งนอกเหนือจากการมอบที่ดิน เราก็ดูแลและซ่อมแซมบ้านทั่วประเทศด้วย
นอกจากนั้น รัฐบาลได้ดำเนินโครงการสำหรับกลุ่มคนพิการ โดยการจัดหากายอุปกรณ์ช่วยเหลือคนพิการ จำนวน 72,000 ชุด ซึ่งมีรถจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ได้ปล่อยรถออกไปให้อุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือทุพพลภาพในบางมิติให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี พร้อมกันนี้ รัฐบาลได้ดำเนินโครงการบริจาคโลหิต 10,000,000 ซีซี ซึ่งเรื่องของการบริจาคโลหิตถือเป็นเรื่องใหญ่ ทุกวันนี้ยังมีคนที่ต้องการโลหิตอยู่จำนวนมาก เพราะฉะนั้นเรื่องของการให้ถือเป็นเรื่องสำคัญ การรณรงค์ทั้งเอกชนและหน่วยงานภาครัฐให้มีการบริจาคโลหิตตรงนี้ โดยเปิดให้มีการบริจาคโลหิตไปจนถึงสิ้นปีนี้ ประชาชนที่สนใจอยากเป็นผู้ให้ก็สามารถไปบริจาคโลหิตได้ที่โรงพยาบาลรัฐทุกแห่งทั่วประเทศ และที่สภากาชาดไทย
นายกฯเศรษฐา กล่าวเชิญชวนพี่น้องประชาชนเข้าร่วมโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ รวมถึงโครงการอื่น ๆ ของรัฐบาลที่ได้เปิดกว้างและอยากให้ประชาชนมีส่วนร่วม รวมถึงห้างร้าน และเอกชนต่าง ๆ ก็สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในหลายสิบโครงการที่ได้มีการพูดถึง หรือโครงการย่อย ๆ อีก 500 กว่าโครงการ รัฐบาลขอเชิญชวนให้ทุกคนมีส่วนร่วมเข้ามาตรงนี้ ทั้งนี้ จากผลการดำเนินโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ ได้รับการตอบรับด้วยดีจากทุกหน่วยงาน และทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นบริษัท รัฐวิสาหกิจ เอกชนต่าง ๆ ทำให้ผู้ที่ด้อยโอกาสสามารถยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเองขึ้นมาได้ ซึ่งโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้ง 10 โครงการหลักของรัฐบาล จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปลายปี และเชื่อว่าในวาระอื่น ๆ ในมิติอื่น ๆ รัฐบาลก็ยังเป็นผู้สนับสนุนเรื่องน้ำ เรื่องป่า และเรื่องคนต่อไป
“ผมเชื่อว่าการที่พระองค์ท่านทรงงานอย่างหนักท่านไม่ได้อยู่ในวังอย่างเดียว ท่านลงพื้นที่ค่อนข้างมาก มีการลงรายละเอียดแต่ละโครงการด้วยพระองค์เอง ทางเราเองก็มีการศึกษาติดตามโครงการพระราชดำริต่าง ๆ เวลาที่ผมลงพื้นที่ต่างจังหวัดต่าง ๆ ได้มีการเข้าถึงและเข้าใจถึงปัญหาต่าง ๆ ที่พระองค์ท่านพยายามจะทำ รัฐบาลมีหน้าที่ที่จะขับเคลื่อนหน่วยงานต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้รัฐบาล รัฐวิสาหกิจมีส่วนร่วมมาก และภาคเอกชน เราได้มีการพยายามเชิญเข้ามามีส่วนร่วมในการต่อยอดในการทำโครงการพระราชดำริต่าง ๆ” นายกฯ ย้ำ