ไม่พบผลการค้นหา
เจ้าหน้าที่รัสเซียและบล็อกเกอร์ทางทหารระบุว่า กองทัพยูเครนเปิดฉากโจมตีกองกำลังรัสเซีย ที่ยึดครองพื้นที่สำคัญอย่างภูมิภาคซาปอริซเซียทางตอนใต้ ทั้งนี้ พวกเขากล่าวว่ากองทหารยูเครน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรถถัง ปืนใหญ่ และโดรน กำลังพยายามรุกคืบไปทางใต้ของเมืองโอริคิฟเป็นคืนที่ 2 ติดต่อกัน

เจ้าหน้าที่อาวุโสทางกลาโหมยูเครนกล่าวว่า ศัตรูอยู่ใน "การป้องกันเชิงรุก" โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารหลายคนกล่าวว่า เป้าหมายของการโจมตีตอบโต้ที่รอคอยมานานของยูเครน คือภูมิภาคซาปอริซเซีย และชี้ว่ายูเครนกำลังพยายามเข้าถึงทะเลอาซอฟให้ได้อีกครั้ง เพื่อแบ่งแยกกองกำลังรัสเซียที่ยึดครองพื้นที่ในภูมิภาคออกเป็น 2 กลุ่มจากกัน

การบุกยึดเมืองซาปอริซเซียไม่เพียงแต่จะทำให้ความสามารถในการสู้รบของรัสเซียอ่อนแอลงเท่านั้น แต่ยังทำลายสะพานเชื่อมทางบกไปยังแหลมไครเมียจากเมืองทางตอนใต้ของยูเครน ทั้งนี้ คาบสมุทรไครเมียทางตอนใต้ของยูเครน ถูกรัสเซียยึดครองและผนวกไปอย่างผิดกฎหมายเมื่อปี 2557 

รายงานระบุว่ายูเครนได้วางแผนการโจมตีตอบโต้ เพื่อต่อต้านการยึดครองจากรัสเซียมานานหลายเดือนแล้ว แต่ยูเครนต้องการใช้เวลาให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในการฝึกกองกำลัง และเพื่อรอรับยุทโธปกรณ์ขั้นสูงจากชาติพันธมิตรตะวันตก ที่ส่งเข้ามาช่วยเหลือพวกเขา

รัฐบาลยูเครนจงใจที่จะพูดถึงแผนการยกทัพตีโต้กลับเพียงเล็กน้อย แต่ในขณะนี้นั้น กองกำลังยูเครนกำลังตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งของกองทัพของรัสเซียในหลายจุดตามแนวหน้ารบ ผ่านการมองหาสัญญาณของความอ่อนแอ ในขณะเดียวกัน การโจมตีของรัสเซียต่อยูเครนยังคงดำเนินต่อไป โดยในชั่วข้ามคืน รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธร่อนและโดรนโจมตีครั้งใหม่ ทั้งนี้ มีเศษชิ้นส่วนระเบิดตกลงมาคร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 1 คนในเมืองซีโตมีร์ทางตะวันตกของกรุงเคียฟ

รัสเซียยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ของภูมิภาคซาปอริซเซียได้ไม่นาน หลังจากที่ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย สั่งรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบในเดือน ก.พ. 2565 อย่างไรก็ดี เมืองหลวงของภูมิภาคอย่างเมืองซาปอริซเซีย ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของยูเครน 

ในการสู้รบที่ดุเดือดเมื่อเร็วๆ นี้ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปชั่วข้ามคืน โดยบล็อกเกอร์สายทหารรัสเซียที่ฝักใฝ่ระบอบปูตินหลายคนรายงานเมื่อช่วงสายของวันพฤหัสบดี (8 มิ.ย.) ว่า ยูเครนกลับมาดำเนินการโจมตีอีกครั้ง โดยพวกเขาสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของกองกำลังรถหุ้มเกราะ และโดรนที่ควบคุมการยิงด้วยปืนใหญ่

วลาดิเมียร์ โรกอฟ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของรัสเซียกล่าวว่า กองทหารรัสเซียยังคงประจำการอยู่ท่ามกลาง "การสู้รบอย่างแข็งขัน" ต่อเมืองทอกมัก ซึ่งถูกมองว่าเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับยูเครน ในขณะที่พวกเขาพยายามรุกคืบไปยังทะเลอาซอฟ

ยังคงเป็นการยากที่จะตรวจสอบการคำกล่าวอ้างของทั้งสองฝ่าย โดยก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี ฮันนา มาลิอาร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมยูเครน กล่าวว่า กองกำลังรัสเซียกำลัง "ป้องกันอย่างแข็งขัน" ในเมืองซาปอริซเซีย และเธออ้างว่ามีการรุกคืบรอบเมืองบักห์มุตทางตะวันออก ซึ่งถูกทำลายไปมากในช่วงหลายเดือนของการสู้รบ

ภูมิภาคซาปอริซเซียยังเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ซึ่งอยู่ในพื้นที่ควบคุมโดยกองกำลังรัสเซีย ทั้งนี้ โรงงานยังคงรับน้ำหล่อเย็นจากอ่างเก็บน้ำของเขื่อนโนวา คาคอฟกา บนแม่น้ำดนิโปร แม้ว่าเขื่อนจะถูกทำลายเมื่อวันอังคาร (6 มิ.ย.) ซึ่งทำให้ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำลดลง และพื้นที่ขนาดใหญ่ที่อยู่ท้ายเขื่อนถูกน้ำท่วม

อย่างไรก็ดี เหตุเขื่อนแตกจากการโจมตีที่เกิดขึ้น กำลังคุกคามแหล่งน้ำของภูมิภาค โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ยังเตือนด้วยว่า อหิวาตกโรคอาจแพร่กระจายได้ในพื้นที่จากน้ำ นอกจากนี้ WHO ยังคาดการณ์ว่าเหตุเขื่อนแตกน้ำท่วม จะส่งผลกระทบระยะยาวอย่างร้ายแรงต่อการเกษตร ในพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ


ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-europe-65851760?fbclid=IwAR0j0Jv0SVpwYHBbnxilZSkCcTLCiSpXfQbPfiy24eNjLC2XqXG-3hRqCDE