นางจันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า มลภาวะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากกระบวนการเผาไหม้เชื้อเพลิงไม่สมบูรณ์ของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง ก่อให้เกิดมลภาวะในอากาศ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชน กรมการขนส่งทางบกจึงส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานอื่นทดแทนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง อาทิ การสนับสนุนให้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยการแก้ไขกฎ ระเบียบ ให้ยานยนต์ไฟฟ้าสามารถจดทะเบียนได้ และลดอัตราภาษีรถประจำปีสำหรับรถพลังงานสะอาด ดังนี้
รถที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้า หากเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง จะเก็บภาษีตามน้ำหนักของรถในอัตราเดียวกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน ซึ่งจะน้อยกว่าอัตราภาษีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่งที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
รถตู้ รถบรรทุก รถจักรยานยนต์ รวมไปถึงรถบดถนน รถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตร และรถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัดที่ใช้พลังงานไฟฟ้า จัดเก็บภาษีในอัตรากึ่งหนึ่งของรถประเภทเดียวกันที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เช่น รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เสียภาษีประจำปีคันละ 100 บาท
ในขณะที่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลที่ใช้พลังงานขับเคลื่อนจากไฟฟ้าจะเสียภาษีประจำปีคันละ 50 บาท เท่านั้น สำหรับรถที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ NGV เป็นเชื้อเพลิง จัดเก็บภาษีในอัตรากึ่งหนึ่งของอัตราที่กำหนด
ส่วนรถที่ใช้ NGV ร่วมหรือสลับกับน้ำมันเชื้อเพลิง จัดเก็บภาษีในอัตราสามในสี่ของอัตราที่กำหนด ซึ่งประชาชนสามารถดูรายละเอียดอัตราภาษีรถประเภทต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก www.dlt.go.th
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า สถิติ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 จำนวนรถจดทะเบียนสะสมทั่วประเทศมีจำนวนทั้งสิ้น 40,712,043 คัน เป็นรถใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิงจำนวน 27,749,524 คัน น้ำมันดีเซลจำนวน 11,294,017 คัน ส่วนยอดสะสมจากการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) มีจำนวน 2,854 คัน ในจำนวนนี้เป็นรถบัสไฟฟ้าจำนวน 117 คัน ขณะที่จำนวนรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) และปลั๊ก-อินไฮบริด (PHEV) มียอดสะสมจำนวน 153,184 คัน ส่วนรถที่ใช้ NGV เป็นเชื้อเพลิง มีจำนวน 53,407 คัน รถที่ใช้ NGV ร่วมหรือสลับกับน้ำมันเชื้อเพลิง มีจำนวน 313,440 คัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง