กระทรวงกลาโหมสหรัฐประกาศสิ้นสุดปฏิบัติการทางทหารอันยาวนาน 20 ปีในอัฟกานิสถานอย่างเป็นทางการ หลังเสร็จสิ้นภารกิจการอพยพเจ้าหน้าที่ทหารและพลเรือนชุดสุดท้ายออกจากสนามบินฮามิด กาไซ ในกรุงคาบูลเมื่อคืนวันที่ 30 สิงหาคม ตามเวลาท้องถิ่น ภายใต้เส้นตายที่ตกลงไว้กับกลุ่มตาลีบัน ก่อนจะส่งมอบพื้นที่การดูแลสนามบินให้กับกลุ่มตาลีบัน
รายงานระบุว่าเครื่องบินลำเลียงแบบ C-17 Globemaster เที่ยวบินสุดท้ายได้นำกองกำลังทหารและพลเรือน รวมถึงรอสส์ วิลสัน ทูตสหรัฐฯประจำอัฟกานิสถาน เดินทางออกจากสนามบินกรุงคาบูลเมื่อเวลา 23.59 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งอยู่ในกำหนดที่กลุ่มตาลีบันให้ทหารสหรัฐต้องถอนกำลังออกจากประเทศภายใน 31 สิงหาคมนี้
พลเอกแฟรงค์ เคนเนธ แมคเคนซี ผู้บัญชาการกองบัญชาการกลางกองทัพสหรัฐฯ (USCENTCOM) ที่มีอำนาจควบคุมกำลังทหารอเมริกันในตะวันออกกลางและอัฟกานิสถาน เป็นผู้ประกาศเสร็จสิ้นภารกิจอพยพยคนออกจากอัฟกานิสถาน หลังเที่ยวบินสุดท้ายออกจากสนามบินคาบูลก่อนกำหนดเส้นตาย 1 นาที
"การถอนกำลังในคืนนี้ไม่เพียงเป็นการสิ้นสุดปฏิบัติการถอนทหาร แต่ยังถือเป็นการสิ้นสุดภารกิจในอัฟกานิสถานซึ่งยาวนานเกือบ 20 ปี นับตั้งแต่หลังเหตุการณ์ 9/11 เมื่อปี 2001" พล.อ. แมคเคนซีกล่าว
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ให้ตัวเลขว่าขณะนี้เหลือชาวอเมริกันไม่ถึง 100 คน ที่อยู่ในอัฟกานิสถาน แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหารหรือพลเรือน โดยกระทรวงต่างประเทศระบุว่า กลุ่มคนเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญในพื้นที่เป็นพิเศษ ซึ่งจะสามารถเดินทางออกมาจากพื้นที่ได้ในภายหลัง ทั้งยกย่องภารกิจการอพยพพลเรือนและเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯในครั้งนี้ว่า เป็นการกระทำครั้งประวัติศาสตร์และเต็มไปด้วยความกล้าหาญ โดยหลังจากนี้ภารกิจของสถานทูตสหรัฐจะถูกย้ายไปปฏิบัติการที่สถานทูตในกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์แทน
บีบีซีรายงานว่าหลังจากเที่ยวบินสุดท้ายบินออกจากสนามบิน บรรดานักรบสมาชิกกลุ่มตาลีบันพากันยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะ
สำหรับปฏิบัติการอพยพจากอัฟกานิสถานใช้วเวลาทั้งสิ้น 18 วัน โดยสหรัฐฯ สามารถอพยพพลออกมามากกว่า 123,000 คน หรือเฉลี่ยวันละ 7,500 คน นับตั้งแต่ 14 สิงหาคม หรือหนึ่งวันก่อนที่ตาลีบันจะบุกเข้ายึดกรุงคาบูล สหรัฐฯ ได้ทำการอพยพพลเรือนกว่า 79,000 คน ประกอบด้วยชาวอเมริกันราว 6,000 คน ส่วนที่เหลืออีก 73,503 คนเป็นชาวอัฟกันหรือพลเรือนสัญชาติอื่นๆ สำหรับพลเรือนอัฟกันชาวอัฟกันนั้น เป็นพลเรือนที่ที่เคยสนับสนุนปฏิบัติการของสหรัฐฯ จะได้รับวีซ่าพิเศษในการเข้าไปอยู่ในสหรัฐฯ เนื่องจากเกรงว่าอาจได้รับอันตรายหาอยู่ภายใต้การปกครองของตาลีบัน
ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี ภายใต้ปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐในอัฟกานิสถาน มีพลเรือนและทหารในอเมริกันเสียชีวิตไปแล้วรวมทั้งสิ้น 2,461 ราย บาดเจ็บกว่า 20,000 ราย โดยผู้เสียชีวิตกลุ่มล่าสุดคือ ทหาร 13 นายที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีสนามบินคาบูลเมื่อง 26 สิงหาคมที่ผ่านมา
นายซาบีฮุลเลาะห์ มูจาฮิด โฆษกกลุ่มตาลีบัน เปิดเผยว่า กลุ่มตาลีบันยินดีกับการที่สหรัฐถอนกำลังทหารออกจากอัฟกานิสถาน โดยการเปิดเผยดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจากผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐออกแถลงการณ์ว่า สหรัฐได้เสร็จสิ้นการถอนกองกำลังทหารออกจากอัฟกานิสถานแล้วเมื่อวานนี้ (30 ส.ค.)
หลังเครื่องบินลำสุดท้ายของสหรัฐฯเดินทางออกจากสนามิบนกรุงคาบูล นายซาบิฮุลเลาะห์ มุจาฮิด โฆษกของกลุ่มตาลีบัน ทวีตข้อความทางทวิตเตอร์ว่า "ทหารสหรัฐคนสุดท้ายอพยพจากสนามบินคาบูลในช่วงเที่ยงคืนของวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งนี่ทำให้ประเทศของเราเป็นอิสระอย่างสมบูรณ์"
โดยไม่นานหลังมูจาฮิดทวีตข้อความดังกล่าว สมาชิกตาลีบันบางส่วนเริ่มฉลองด้วยการยิงปืนในกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถานนานประมาณ 1 ชั่วโมง สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนในกรุงคาบูล
หลังเสียงยิงปืนจบลง นายมูจาฮิดทวีตข้อความว่า "เสียงปืนที่ได้ยินในกรุงคาบูลคือการยิงฉลอง ประชาชนในกรุงคาบูลไม่ต้องกังวลอะไร เรากำลังพยายามควบคุมสถานการณ์อยู่"