ข้อมูลจาก 'เฮนส์แอนด์บูน' บริษัทกฎหมายระหว่างประเทศชี้ว่า มีบริษัทพลังงานฟอสซิลจากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติถึง 26 แห่ง ถูกฟ้องล้มละลาย โดยคิดมูลค่าหนี้รวมเป็นเงิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลข ณ สิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
หากเปรียบเทียบบริษัทที่ถูกฟ้องล้มละลายในปี 2561 พบว่ามีจำนวน 28 บริษัท โดยมียอดหนี้รวม 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3.9 แสนล้านบาท ขณะที่ตัวเลขในปี 2560 อยู่ที่ 24 บริษัท ที่มูลค่า 8.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2.6 แสนล้านบาทเท่านั้น
ข้อมูลจากฟิทช์ เรทติ้งส์ บริษัทจัดอันดับ ชี้ให้เห็นว่า บริษัทพลังงานที่มีพันธบัตรในระดับต่ำมีอัตราการผิดชำระหนี้ถึงร้อยละ 5.7 ณ เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าเป็นอัตราส่วนที่สูงที่สุดตั้งแต่ปี 2560 สะท้อนให้เห็นว่า สถานการณ์การเงินของอุตสาหกรรมอยู่ในภาวะตึงเครียด
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายยังมองว่า สถานการณ์ล้มละลายครั้งนี้จะไม่ย่ำแย่เท่ากับในช่วงปี 2258 ที่มีบริษัทพลังงานถึง 44 แห่ง ถูกฟ้องล้มละลาย ด้วยมูลค่าหนี้ถึง 1.74 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 5.3 แสนล้านบาท
หนี้เดิมสูง-เงินทุนใหม่ไม่มี
ปัจจัยกดดันอุตสาหกรรมพลังงานที่แท้จริงมาจากการขาดศักยภาพในการชำระหนี้คืนรวมทั้งยังไม่มีเครื่องการันตีการได้รับเงินสนับสนุนเพิ่มเติมจากนักลงทุน
บริษัทขุดเจาะน้ำมันจำนวนมากเร่งการเติบโตของบริษัทด้วยการเสี่ยงว่าราคาน้ำมันจะสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา ความสนใจขอนักลงทุนเริ่มหันเหไปยังอุตสาหกรรมอื่น อีกทั้งราคาน้ำมันยังตกลงไปต่ำกว่า 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ / บาร์เรล หรือประมาณ 1,800 บาท / บาร์เรล ซึ่งบริษัทเอกชนและบริษัทขุดเจาะน้ำมันขนาดเล็กเป็นภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
"พวกเขาเคยทนได้พักหนึ่ง แต่หนี้ตอนนี้มันสูงเกินไป พวกเขาต้องการยารักษา" แพทริค ฮักส์ หุ้นส่วนของเฮนส์แอนด์บูน กล่าว