กองทัพรัสเซียเดินหน้าโจมตีทางอากาศหลายเมืองทางตะวันตกและตะวันออกของยูเครนท่ามกลางการเฝ้ารอการเจรจาสันติภาพในตุรกีที่ยังไม่เป็นผลสำเร็จ ล่าสุดภาพจากดาวเทียมชี้ว่ากองทัพรัสเซียกำลังมุ่งหน้าประชิดกรุงเคียฟ มีการจัดเตรียมและปรับเปลี่ยนรูปแบบขบวนรถถังและอาวุธยุทโธปกรณ์รูปแบบใหม่ที่ดูจะมีความพร้อมสำหรับการโจมตีครั้งสำคัญ
การโจมตีทางอากาศในวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นการมุ่งถล่มเมืองลุตสก์ และเมืองอิวาโน-ฟรานคิฟสก์ ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ห่างไกลจากโซนที่เป็นเป้าหมายหลักการโจมตีของกองทัพรัสเซีย เนื่องจากเป็นเมืองที่อยู่ทาง ‘ตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือ’ ของประเทศ
ซึ่งนอกจากจะเป็นการโจมตีพื้นที่ของลานบินเก่าแล้วยังเป็นการยิงถล่มไปที่อาคารบ้านเรือนของประชาชนอีกด้วย ขณะที่เมืองนีโปรที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเนียเปอร์ทางตอนกลางตะวันออกของประเทศก็ถูกรัสเซียโจมตีเช่นกัน
การโจมตีทางอากาศที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับการเผยแพร่ภาพถ่ายทางดาวเทียมจาก Maxar Technologies บริษัทด้านเทคโนโลยีอวกาศสัญชาติอเมริกันที่เผยให้เห็นว่าขณะนี้กองกำลังภาคพื้นดินของกองทัพรัสเซียกำลังมุ่งหน้าเข้าชิดกรุงเคียฟมากขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นพบว่า ขบวนหนึ่งของกองกำลังกองทัพรัสเซียที่มุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเคียฟในระยะเพียงแค่ประมาณ 40 ไมล์เท่านั้นได้เคลื่อนตัวเข้าสู่ ‘จุดยิง’ ของยูเครนที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ เป็นเหตุให้ขบวนของกองทัพรัสเซียดังกล่าวสลายตัวทันที
การโจมตีที่ลุตสก์เป็นเหตุให้โรงงานซ่อมบำรุงเครื่องบินไอพ่นถูกทำลาย ขณะที่การโจมตีในเมืองนีโปรก็ทำให้โรงงานรองเท้าเกิดเพลิงไหม้อย่างหนักรวมทั้งการโจมตีได้เกิดขึ้นในพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งอีกด้วย
นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟเปิดเผยว่า ขณะนี้มีประชาชนมากกว่า 2 ล้านคนที่ได้อพยพออกจากกรุงเคียฟเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคิดเป็นจำนวนที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใจกลางเมืองของเมืองหลวงยูเครน ทำให้ขณะนี้อาคารบ้านเรือนแทบจะทั้งหมด รวมถึงถนนแทบจะทุกสาย ถูกใช้เป็นดั่งป้อมปราการเพื่อปกป้องเมืองหลวงของพวกเขา
“ผู้คนจำนวนมากที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนวิธีการแต่งตัวของพวกเขาด้วยซ้ำ ขณะนี้พวกเขากลับต้องมาใส่ชุดยูนิฟอร์มและถืออาวุธในมือเพื่อปกป้องชีวิตและประเทศ” นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟกล่าว