ไม่พบผลการค้นหา
อย.ออกโรงย้ำอีกรอบ ข่าวยาพาราเซตามอลปนเปื้อน 'ไวรัสแมคชูโป' ไม่เป็นความจริง ระบุหากมีการปนเปื้อนจะเรียกเก็บคืนและแจ้งเตือนให้ผู้บริโภคทราบทันที

ภญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการแชร์ข้อมูลในโลกออนไลน์อ้างถึงสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง เผยแพร่ข่าวห้ามกินยาพาราเซตามอลที่มีชื่อว่า P/500 เพราะมีไวรัสแมคชูโปปนเปื้อน มีอันตรายถึงตายนั้น ข่าวดังกล่าวสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เคยชี้แจงข้อเท็จจริงแก่ประชาชนไปแล้วว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งขณะนี้พบว่าข่าวดังกล่าวกลับมาเผยแพร่อีกครั้ง จึงขอย้ำอีกครั้งว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด แมคชูโปไวรัสเป็นเชื้อที่ไม่สามารถเจริญเติบโตในที่แห้ง

ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้น้อยมากที่ยาพาราเซตามอลจะปนเปื้อนเชื้อดังกล่าว ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าสามารถรับประทานยาพาราเซตามอลได้ตามปกติ และขอความร่วมมือจากทุกท่านอย่าหลงเชื่อและอย่าแชร์ข้อความดังกล่าวต่อ เพราะจะสร้างความตระหนกให้กับผู้อื่น


หากปนเปื้อนจริงจะเรียกเก็บคืน-แจ้งเตือนทันที

ทั้งนี้ ยาที่จำหน่ายในประเทศไทยต้องผลิตภายใต้หลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตยา (GMP) เพื่อควบคุมคุณภาพ มาตรฐาน และประสิทธิผล นอกจากนี้ อย. มีการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด ทั้งก่อนและหลังออกสู่ตลาด หากพบว่ายาใดมีการปนเปื้อน ไม่ปลอดภัยในการใช้ อย. จะเรียกเก็บยาคืนและแจ้งเตือนให้ผู้บริโภคทราบทันที

"ขอให้ผู้บริโภคอย่าหลงเชื่อแหล่งข่าวที่ไม่น่าเชื่อถือควรตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่นอนก่อนที่จะแชร์ข้อมูลต่อ เพราะที่ผ่านมา มักมีการส่งต่อข้อมูลด้านสุขภาพที่ผิด ๆ ในโลกออนไลน์อยู่บ่อยครั้ง และมักวนกลับมาเป็นระยะ ก่อนแชร์สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ทางแอปพลิเคชัน อย. เช็ก ชัวร์ แชร์ หรือเข้าผ่านทาง Line : FDAThai หรือเว็บไซต์ www.oryor.com" รองเลขาธิการฯ อย. ระบุ

สำหรับข่าวยาพาราเซตามอล มีไวรัสปนเปื้อนนั้น ได้ถูกแชร์ในโลกออนไลน์ต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งระบุข้อความว่า "คำเตือนด่วน ให้ระวังการใช้ยาพาราเซทตาม่อนซึ่งมีชื่อว่า p/500 เป็นยาที่ออกใหม่ เม็ดยาสีขาวและเคลือบมันจนเป็นประกายมาก หมอยาแนะนำว่า ยานี้มีส่วนผสมของไวรัสชื่อ "แมคชูโป"ซึ่งเป็นไวรัสที่อันตรายร้ายแรงชนิดหนึ่งของโลก"

22089201_299554457194281_1664109342515042033_n.jpg

ยันไม่เคยพบ 'ไวรัสแมคชูโป' ผสมในยา

ด้าน สำนักยาและวัตถุเสพติด กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ข้อมูลเรื่องดังกล่าวไว้ว่า แมคชูโปไวรัส (Machupo virus) เป็นเชื้อไวรัสไข้เลือดออกชนิดหนึ่งที่มีสัตว์ฟันแทะ เช่น หนู เป็นพาหะ ไวรัสสามารแพร่กระจายได้โดยการหายใจเอาฝุ่น มูล หรือปัสสาวะของหนูที่ติดเชื้อเข้าไป และไวรัสไม่สามารถอยู่ในสภาพแวดล้อมภายนอกที่แห้งได้นาน จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ไวรัสจะมีชีวิตรอดอยู่ในยาเม็ด ที่ผ่านกระบวนการผลิตทางเภสัชกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการเคลือบเงาที่ต้องผ่านความร้อนสูงและพ่นลมเป่าเม็ดยาจนกว่าเม็ดยาจะแห้งสนิท

นอกจากนี้เม็ดยาที่รอจำหน่ายหรือรอใช้ ในโรงพยาบาลใช้เวลานานเป็นเดือนหรือเป็นปี จึงเป็นไปได้ยากมากที่เชื้อไวรัสจะมีชีวิตอยู่ในเม็ดยาได้

อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบรายงาน หลักฐานอ้างอิงยังไม่เคยพบแมคชูโปไวรัสผสมในยามาก่อน