วันที่ 22 ส.ค. 2566 เวลา 09.24 น. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมบุตร-ธิดาทั้ง 3 คน คือ พานทองแท้ ชินวัตร พิณทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ แพทองธาร ชินวัตร ได้เดินออกมาบริเวณด้านหน้าอาคาร MJETS โดยที่หลานทั้งเจ็ดยืนรออยู่ภายในอาคาร เมื่อเดินออกมา ทักษิณ ได้โค้งคำนับต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี จากนั้นได้นำพวงมาลัย ที่ แพทองธาร เป็นผู้ถือถวายบนพาน ก่อนก้มกราบด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
จากนั้น ทักษิณ ได้ลุกขึ้นยกมือไหว้กลุ่มแกนนำและสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่มาให้การต้อนรับ พร้อมโบกมือให้มวลชนคนเสื้อแดงที่มารอต้อนรับบริเวณด้านหน้าและด้านข้างอาคาร MJETS และกล่าวทักทายช่างภาพสื่อมวลชนพร้อมกับบุตรทั้งสามคน โดยกล่าวว่า “สวัสดี ขอบคุณทุกๆ คน” ก่อนที่จะเดินกลับไปยังมุมที่แกนนำและสมาชิกพรรคเพื่อไทยยืนอยู่ และได้จับมือทักทาย ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย สส. พรรคเพื่อไทย เช่น เกรียง กัลป์ตินันท์ สมศักดิ์ เทพสุทิน สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก่อนจะโบกมือทักทายมวลชนอีกครั้ง เนื่องจากอยู่ระยะไกล ทำให้กลุ่มมวลชนส่งเสียงโห่ร้องแสดงความยินดี ที่ได้เห็นภาพ ทักษิณ ตัวเป็นๆ กลับมาแล้ว ก่อนที่ ทักษิณ จะกลับเข้าไปในอาคาร MJETS เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป โดยใช้เวลาเพียงประมาณ 2 นาที
สำหรับขั้นตอนเมื่อ ทักษิณ เดินมาถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. จะรับตัว และทำบันทึกการจับกุมต่างๆตามขั้นตอน
จากนั้นจะเดินออกมายังหน้าอาคารผู้โดยสาร ก่อนจะสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
จากนั้นจะส่งตัวไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง เพื่อให้ศาลพิจารณาว่าเป็นบุคคลตามหมายจับหรือไม่ ถ้าเป็นบุคคลตามหมายจับก็จะอ่านสรุปคำพิพากษาโดยย่อ
เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการที่ศาลฯ เจ้าหน้าที่จะส่งตัวไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยจะจำแนกคัดกรองผู้ต้องขัง ตรวจสอบประวัติ ทำทะเบียนประวัติ ทั้งนี้ ทักษิณถือเป็นผู้ต้องขังสูงอายุ หากมีโรคประจำตัวที่จะต้องเข้ารับการรักษาต่อเนื่อง ทางราชทัณฑ์จะมีแพทย์ประจำเรือนจำ ที่จะเป็นผู้ใช้ดุลพินิจในการจำแนกผู้ต้องขัง โดยจะนำตัวไปยังห้องกักโรคของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ทำการกักโรคเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19