แถลงการณ์จากหน่วยงานความร่วมมือรักษาความปลอดภัยป้องกันสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ทางหน่วยงานได้ส่งคำร้องขอการรับรองไปยังรัฐสภาสหรัฐฯ หลังจากกระทรวงการต่างประเทศให้การรับรองการซื้อขายในครั้งนี้ หลังจากมีคำร้องมาจากสถานทูตไต้หวันในทางพฤตินัยในกรุงวอชิงตัน โดยระบบขีปนาวุธดังกล่าวมีราคาอยู่ที่ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3.3 พันล้านบาท)
หน่วยงานความร่วมมือรักษาความปลอดภัยป้องกันยังได้ระบุอีกว่า การปรับปรุงระบบป้องกันรักชาติในครั้งนี้ จะ “ช่วยเพิ่มความมั่นคงให้แก่ผู้ซื้อ (ไต้หวัน) และช่วยรักษาเสถียรภาพทางการเมือง ความสมดุลทางการทหาร เศรษฐกิจ ตลอดจนความก้าวหน้าในภูมิภาค” ทั้งนี้ บริษัทคู่สัญญาในการซื้อขายระบบขีปนาวุธในครั้งนี้ จะอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของบริษัท Raytheon Technologies และ Lockheed Martin
นอกจากนี้ “การซื้อขายในครั้งนี้ยังช่วยตอบรับกับผลประโยชน์ทางชาติ เศรษฐกิจ และความมั่นคงของสหรัฐฯ โดยการให้การสนับสนุนผู้ซื้อในการทำให้กองทัพของตนเองทันสมัย และรักษาความน่าเชื่อถือทางสมรรถภาพในการป้องกันตนเอง” หน่วยงานความร่วมมือรักษาความปลอดภัยป้องกันสหรัฐฯ ระบุ
ระบบขีปนาวุธรักชาติที่จะได้รับการซื้อขายในครั้งนี้ เป็นแผนข้อตกลงที่ทางไต้หวันมีกับสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2562 ในยุคสมัยชองอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งทางการไต้หวันได้มีการเข้าพบและพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ในการตกลงทำการค้าอาวุธในครั้งนี้ด้วยกัน
สหรัฐฯ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ เล่นบทบาทเป็นผู้ให้การสนับสนุนหลักของไต้หวัน ตลอดจนสนธิสัญญาที่ระบุว่าสหหรัฐฯ จะช่วยให้การปกป้องไต้หวันจากการรุกราน เพื่อคานอำนาจกับรัฐบาลจีนคอมมิวนิสต์บนแผ่นดินใหญ่ ที่อ้างอำนาจอธิปไตยของตนเองเหนือเกาะไต้หวัน ซึ่งมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและสามารถปกครองตนเองทั้งในสถาบันนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ
เจ้าหน้าที่ของทางการสหรัฐฯ ระบุมาโดยเสมอว่า สหรัฐฯ จะช่วยให้การสนับสนุนไต้หวันในการพัฒนากองทัพไต้หวันให้มีความทันสมัย เพื่อให้ไต้หวันกลายเป็น “เม่น” ซึ่งมีหนามแหลมคมในการปกป้องตนเอง และจะทำให้เป็นการยากต่อจีนในการบุกโจมตีไต้หวัน ทั้งนี้ การขายอาวุธจากทางการสหรัฐฯ ให้แก่ไต้หวันส่งผลให้ทางการจีนเกิดความไม่พอใจอย่างมาก
ทางการจีนได้ระบุมาโดยตลอดว่า การสนับสนุนของสหรัฐฯ ต่อไต้หวัน ซึ่งจะนำไปสู่การประกาศเอกราชตนเองออกจากจีน จะส่งผลให้เกิดสงครามขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ดี จีนแผ่นดินใหญ่ไม่เคยสามารถส่งผู้ปกครองของตนเองเข้าไปปกครองไต้หวันได้เลย ถึงแม้ว่าตนเองจะกล่าวอ้างถึงอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์ที่มีเหนือเกาะไต้หวันมาโดยตลอด
ที่มา:
https://www.reuters.com/markets/us/us-approves-100-million-sale-taiwan-missile-upgrades-2022-02-07/