ไม่พบผลการค้นหา
ในการพบกันแบบตัวต่อตัวเป็นครั้งแรกระหว่าง วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ในอุซเบกิสถาน นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มทำการรุกรานยูเครนเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ปูตินได้ระบุว่า ทางการรัสเซียได้รับทราบถึง “ความกังวล” ของจีนต่อประเด็นยูเครน

อย่างไรก็ดี ปูตินได้แสดงความขอบคุณแก่สี ที่ทางการจีนได้รักษา “ความสมดุลทางจุดยืน” ของตนเองต่อประเด็นความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ก่อนที่ประธานาธิบดีรัสเซียจะระบุว่า ความพยายามของสหรัฐฯ ในการ “สร้างโลกที่มีขั้วอำนาจเดียว” จะประสบกับความล้มเหลว

ในอีกทางหนึ่ง สีได้ตอบกลับปูตินว่า จีนมีความยินดีที่จะทำงานร่วมกันกับรัสเซียในฐานะ “ประเทศใหญ่” ทั้งนี ถึงแม้ว่าจีนจะไม่ได้ส่งเสริมการรุกรานยูเครนของรัสเซียโดยตรง แต่จีนกลับมีอัตราการค้ากับรัสเซีย และสานความสัมพันธ์ด้านอื่นๆ กับทางรัสเซียมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และจีนเองยังคงไม่มีการประกาศคว่ำบาตรใดๆ ต่อรัสเซียเลย

สองผู้นำพบหน้ากันครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ในที่ประชุมองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ที่จัดขึ้นในเมืองซามาร์กันต์ในอุซเบกิสถาน ซึ่งตรงกันกับจุดหัวเลี้ยวหัวต่อของสงครามยูเครน เนื่องจากกองทัพรัสเซียสูญเสียพื้นที่จำนวนมากของตน ที่เคยยึดมาได้จากยูเครนเพียงในระยะเวลาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา

“เราให้ความสำคัญกับจุดยืนที่สมดุลของมิตรจากจีนของเราอย่างมากเมื่อเกิดวิกฤตในยูเครน” ปูตินกล่าวกับสี ที่เดินทางออกนอกประเทศจีนเป็นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่โควิด-19 เริ่มระบาด และปูตินเองที่เดินทางออกนอกจากรัสเซียเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่สงครามยูเครนปะทุขึ้น

ปูตินเปิดเผยว่าจีนมี “คำถามและข้อกังวล” เกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน โดยประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวว่าตนเข้าใจต่อท่าทีของทางการจีน “ในระหว่างการประชุมวันนี้ แน่นอนว่าเราจะอธิบายจุดยืนของเรา” ปูตินกล่าว แต่ในทางตรงกันข้ามกับคำกล่าวของปูติน รัฐบาลจีนกลับออกถ้อยแถลงหลังการประชุม ที่ไม่ได้มีการกล่าวถึงสงครามยูเครนอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ดี ถ้อยแถลงหลังการประชุมของจีนระบุว่า รัสเซียและจีนจะขยาย “การสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างเข้มแข็ง” ในประเด็นประโยชน์หลัก โดยทั้งสองชาติจะมี “บทบาทนำในการหล่อหลอมเสถียรภาพเข้าสู่โลกแห่งการเปลี่ยนแปลงและความวุ่นวาย” และทางการจีนได้ระบุว่าการเป็นหุ้นส่วนของจีนกับรัสเซียนั้น “มั่นคงดุจภูผา” แม้ว่าการบุกรุกยูเครนจะทำให้รัสเซียเข้าสู่วิกฤตที่เลวร้ายที่สุดกับชาติตะวันตกนับตั้งแต่สงครามเย็น และทำให้ราคาอาหารและพลังงานทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น เช่นเดียวกันกับจีนที่พบกับแรงกดดันจากชาติตะวันตกจากประเด็นสิทธิมนุษยชนและอนาคตของไต้หวัน

องค์การ SCO ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2544 เพื่อการสร้างความร่วมมือกันระหว่างอดีตชาติสมาชิกสหภาพโซเวียตในเอเชียกลาง ในการเป็นทางเลือกให้แก่กลุ่มประเทศอำนาจนิยม แทนการเข้าร่วมพหุภาคีกับทางชาติตะวันตก

การเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของสี เกิดขึ้นหลังจากการประกาศล็อกดาวน์ในรอบล่าสุดได้ไม่นานนี้ ท่ามกลางการยึดมั่นในนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของทางการจีน จากการสั่งล็อกดาวน์และกักตัวเพื่อกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวดที่สุด ในขณะประเทศอื่นๆ ได้เดินหน้าเข้าสู่หนทางของการอยู่ร่วมกันกับเชื้อไว้รัสแล้ว

สีเดินทางออกนอกจีนครั้งล่าสุดเมื่อ ม.ค. 2563 ในการเยือนเมียนมา เพียงไม่กี่วันก่อนที่จีนจะมีการประกาศล็อกดาวน์เมืองอู่ฮั่น สถานที่แรกที่เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิมเริ่มอุบัติขึ้น ทั้งนี้ สีได้เก็บตัวอยู่แต่ในจีนตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่าที่ผ่านมา และเดินทางออกนอกแผ่นดินใหญ่ไปไกลสุดเพียงแค่ฮ่องกงเมื่อ ก.ค.ที่ผ่านมา

ปูตินเองยังแทบจะไม่เดินทางออกนอกประเทศเลย นับตั้งแต่สงครามยูเครนเริ่มปะทุขึ้นเมื่อ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยการเดินทางเยือนต่างประเทศหลังจากสงครามยูเครนในรอบล่าสุดของปูติน เกิดขึ้นเมื่อช่วง ก.ค.ที่ผ่านมาในกรุงเตหะราน หลังปูตินบินออกนอกรัสเซียเพื่อทำการเข้าพบผู้นำตุรกีและอิหร่านที่นั่น โดยการเดินทางเยือนอุซเบกิสถาน จะเป็นครั้งที่สองที่ปูตินบินออกนอกประเทศ นับตั้งแต่เริ่มการรุกรานยูเครน

สีและปูตินพบหน้ากันแบบตัวต่อตัวล่าสุด เมื่อช่วง ก.พ.ที่ผ่านมา ในขณะที่จีนเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันโอลิมปิฤดูหนาว ณ กรุงปักกิ่ง โดยหลังจากการเข้าพบกันของผู้นำทั้งสอง จีนและรัสเซียได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันระบุว่า มิตรภาพของจีนกับรัสเซียนั้น “ไม่มีขีดจำกัด” ก่อนที่รัสเซียจะเริ่มการรุกรานยูเครนได้ไม่กี่วัน ในขณะที่ทางการจีนไม่เคยออกมาประณาม หรือลงโทษคว่ำบาตรรัสเซียเลยแม้แต่ครั้งเดียว พร้อมชี้ว่าเรื่องดังกล่าวต้องกล่าวโทษต่อทั้งสองฝ่ายแทน

จีนไม่ได้เข้าร่วมการคว่ำบาตรรัสเซียกับนานาชาติ ในขณะที่จีนกับอินเดียเองมีอัตราการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียพุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่การรุกรานยูเครนได้เริ่มต้นขึ้น นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ของจีนกับสหรัฐฯ เองกลับย่ำแย่ลงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหลังจากการเดินทางเยือนไต้หวันของ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จนทำให้จีนสั่งการซ้อมรบครั้งใหญ่รอบเกาะไต้หวันเป็นเวลา 5 วัน

มีการคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญว่า การเดินทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรกของสี แสดงให้เห็นถึงสัญญาณความมั่นใจในภาวะการเป็นผู้นำของตัวสีเอง แม้ว่าสีกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาภายในประเทศ จากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ย่ำแย่ลงอย่างรุนแรง ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า สีจะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนไปอีก ในการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน ต.ค.นี้


ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-asia-62912892?fbclid=IwAR0sRLvZNzUrpOBLWwCuKq7uQ5iL0eFqtuB-oc8R9d2DPqBrMznkkPqhO4Y