ผลสำรวจถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 34.00 ระบุว่าเป็น แพทองธาร (อิ๊งค์) ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย เพราะ ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย นโยบายของพรรคสามารถทำได้จริง ต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ
ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบผลงานในอดีตของตระกูลชินวัตร อันดับ 2 ร้อยละ 14.05 ระบุว่าเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (พรรครวมไทยสร้างชาติ) เพราะ เป็นคนตรงไปตรงมา พูดจริงทำจริง มีความซื่อสัตย์สุจริต ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ ขณะที่บางส่วนระบุว่า จะได้บริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง
ผลสำรวจดังกล่าวสะท้อนอย่างชัดแจ้งอย่างหนึ่งว่า กระแสพลังบวก แลนด์สไลด์เริ่มพุ่งขึ้นเรื่อยๆ หลังการขยับออกตัวเร็วของพรรคเพื่อไทย กับการเตรียมความพร้อมกับสนามเลือกตั้งใหญ่ในปี 2566 ทิ้งท้ายศักราชปี 2565
ปลุกกระแสไปด้วยการแสดงวิสัยทัศน์ ประเทศไทยภายในปี 2570 เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2565 แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แสดงวิสัยทัศน์ภายใต้หัวข้อ 'คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน Think Big, Act Smart, For All Thais'
โดยหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ย้ำว่า หลังพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลมาแล้ว 4 ปี ในปี 2570 คนไทยต้องได้ค่าแรงสมกับความเป็นมนุษย์ โดยจะต้องมีค่าแรง 600 บาทต่อวัน นักศึกษาปริญญาตรีจบใหม่ต้องมีรายได้เริ่มต้น 25,000 บาทต่อเดือน
พร้อมทั้งประกาศ 10 นโยบายภาพรวม พลิกฟื้นประเทศภายใน 2570 หากพรรคเพื่อไทยได้บริหารประเทศนาน 4 ปี ที่ผ่านมา ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้กับประชาชน คนไทยจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลง
เป็นการประกาศความพร้อมในทุกสถานการณ์ ไม่ว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอยู่ครบเทอม หรือยุบสภาฯก่อนครบวาระ
ยิ่งย้อนไปตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. 2564 กับการที่พรรคเพื่อไทยจัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ภายในชื่อธีม “พรุ่งนี้เพื่อไทย : เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ ขอนแก่น จ.ขอนแก่น พร้อมเปิดตัว 'แพทองธาร ชินวัตร' บุตรสาวคนเล็กของพ่อใหญ่ 'ทักษิณ ชินวัตร' และหลานสาวของ 'ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' สองอดีตนายกรัฐมนตรี
เป็นผลให้ความเคลื่อนไหวของ 'แพทองธาร' หรือ อิ๊งค์ จึงถูกจับตาทุกย่างก้างจากสื่อมวลชนหลายสำนัก
โดยทุกสำนักต่างฟันธงว่า แพทองธาร คือหนึ่งใน 3 รายชื่อในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
คำประกาศลงสนามการเมืองครั้งแรกที่ จ.ขอนแก่น 'แพทองธาร' ออกตัวว่า จากที่ได้สัมผัสการเมืองมาตั้งแต่ 8 ขวบ ตั้งแต่พ่อเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งแต่เป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม และต่อมาก็ได้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ซึ่งมีโอกาสได้ติดตามลงพื้นที่ต่างจังหวัดและไปร่วมประชุมเอเปคในต่างประเทศ ตลอดเวลาแปลกใจและสงสัยว่า ทำไมท่านถึงทุ่มเททำงานโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยหรือท้อแท้บ้างหรือ แต่วันนี้เข้าใจแล้วว่าการไปพบและแก้ไขปัญหาช่วยพี่น้องประชาชนนั่นคือกำลังใจที่แท้จริงของท่าน"
ครั้งนั้น 'แพทองธาร' เน้นย้ำว่า สิ่งที่อยากปฏิรูปมี 3 เรื่องหลักๆ คือ 1. การปฏิรูปการศึกษา 2. การปฏิรูปเทคโนโลยีที่ต้องเข้าถึงให้ได้มากกว่านี้ และ 3. ต้องส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์อย่างจริงจัง
ครั้งนั้น 'แพทองธาร' เปิดใจกับสื่อมวลชนหลังแสดงวิสัยทัศน์ครั้งแรกถึงในอนาคตถูกเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย แพทองธาร กล่าวว่า "ยังค่ะ คิดว่าขอทำตรงนี้เพื่อดูตัวเองก่อนว่าเป็นอย่างไร และเสียงตอบรับของคนในพรรค ไปไหนเราก็ทำงานร่วมกันเป็นทีม ทีมเวิร์คเป็นหลัก”
ตลอดปี 2565 'แพทองธาร' ได้รับอีกบทบาทคือ 'หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย' ทำให้ต้องเดินสายทั่วประเทศเพื่อดึงฐานเสียงเดิมที่เคยอยู่กับพรรคไทยรักไทย พรรคเพื่อไทยให้กลับมาเป็นฐานเสียงเพื่อนำไปสู่แลนด์สไลด์เหมือนในอดีต
20 มี.ค. 2565 แพทองธาร ขึ้นเวทีใหญ่ที่เมืองหลวงคนเสื้อแดงภาคอีสาน จ.อุดรธานี โดยพรรคเพื่อไทยเปิดโครงการ "ครอบครัวเพื่อไทย : บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม" ท่ามกลางสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่สวมใส่เสื้อสีแดง "ครอบครัวเพื่อไทย" ที่ศูนย์ประชุมมลฑาทิพย์
แพทองธารย้ำว่า เราเป็นรัฐบาลเดียวที่เคยอยู่ครบวาระ วาระที่สองได้รับคะแนนเสียงถล่มทลาย ไม่ว่าจะทำเรื่องประสบความสำเร็จแค่ไหน เราเป็นพรรคการเมืองมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่ก็เป็นประสบการณ์ให้พรรคปรับปรุงให้ทำให้ดีกว่าอดีตที่ผ่านมา จากประสบการณ์รัฐบาลไทยรักไทย พลังประชาชนถึงพรรคเพื่อไทย ทำให้ตนรู้สึกจริงๆว่า พรรคเพื่อไทยต้องเปลี่ยนแปลง เราต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง เหมือนที่รัฐบาลครอบครัวเราเคยทำในอดีต
"เราต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ระบอบเผด็จการต้องหมดไป แต่เป็นเรื่องไม่ไกลตัว เมื่อถึงเวลาเราต้องพร้อม พรรคเพื่อไทยของเราต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้เป็นแกนนำเพื่อที่นำนโยบายต่างๆให้ประเทศชาติเปลี่ยนแปลง ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาล ถ้านโยบายดีแค่ไหนจะไม่เปลี่ยนแปลงได้เลย" แพทองธาร กล่าวที่ จ.อุดรธานี
ถัดจากนั้น วันที่ 14 พ.ค. 2565 แพทองธาร พร้อมพรรคเพื่อไทย เดินสายทำพื้นที่ภาคกลาง ไปที่ จ.สมุทรปราการ โดย แพทองธาร กล่าวตอนหนึ่งในเวที 'ครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม' ว่า "ถ้าเราชนะเลือกตั้งอีกครั้ง จัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง เราจะทำให้ประเทศชาติกลับมาเจริญอีกครั้งค่ะ เราต้องการพลังพี่น้องเสื้อแดงอีกครั้ง ที่ได้ยินเสียงดิฉัน ทุกคนในทุกที่ที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย เรามีหัวใจเดียวกัน"
18 มิ.ย. 2565 'แพทองธาร' เปิดปราศรัยที่ภาคอีสานอีกครั้งในพื้นที่งูเห่า จ.ศรีสะเกษ ที่ลานอเนกประสงค์ผู้ใหญ่เฮง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ภายใต้ชื่อ “ครอบครัวเพื่อไทย ไปศรีสะเกษ ไล่หนูตีงูเห่า’
"ประเทศหยุดแช่แข็งตั้งแตรัฐประหารปี49 หรือ ปี57 ไม่มีอะไรดีขึ้น ในขณะประเทศเราถูกแช่แข็ง ประเทศอื่นพัฒนาทั่วโลก สิ่งที่พัฒนาคือการพัฒนาทางการเกษตร ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะนำนวัตกรรมให้พี่น้องทำการเกษตรได้ราคาสูงขึ้นไม่ต้องมาเสี่ยงดวงกับดินฟ้าอากาศ ไม่ต้องเสียโอกาสแรงงาน เพราะพรรคเพื่อไทย คิดเป็น ทำเป็นและทำสำเร็จ"
กระแสแลนด์สไลด์พรรคเพื่อไทย ยังถูกตอบรับผ่านผลโพล เมื่อผลสำรวจความคิดเห็นของ 'นิด้าโพล' เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2565 ในหัวข้อ “คนที่ใช่ พรรคที่ชอบ ของคนอีสาน” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 3-6 ต.ค. 2565 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,000 หน่วยตัวอย่าง
ถามถึงบุคคลที่คนอีสานจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 36.45 ระบุว่าเป็น แพทองธาร (อิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ เป็นคนรุ่นใหม่ ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย นโยบายของพรรคทำได้จริง ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบผลงานของตระกูลชินวัตร
ด้าน ซูเปอร์โพล (SUPER POLL) ได้สำรวจความเห็น “เอ่ยแรก การเมืองในใจประชาชน”กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ผ่านกระบวนการวิจัยเชิงทดลอง(Experimental Survey) เพื่อลดความคลาดเคลื่อนแก้ปัญหาแหล่งความคลาดเคลื่อนจากผู้ถามผู้ตอบและเครื่องมือวัด จำนวน 1,425 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 8 – 10 ก.ย. 2565 ที่น่าสนใจคือ เอ่ยแรก พรรคการเมืองความหวังช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ พบว่า อันดับหนึ่งคือ พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 20.6
ปฏิเสธไม่ได้ว่า กลุ่มตัวอย่างที่เป็นเสียงสะท้อนต้องการให้ 'พรรคเพื่อไทย' เข้ามาเปลี่ยนแปลงพลิกฟื้นมิติการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
ยิ่งภายใต้กติกาการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ใช้บัตรเลือกตั้ง 2ใบ มี ส.ส.แบบแบ่งเขต 400คน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 100 คน ทำให้พรรคเพือไทยคาดหวังว่าจะได้ ส.ส.ท่วมท้น ซ้ำรอยในอดีตที่พรรคไทยรักไทย และพรรคเพื่อไทยเคยประสบผลสำเร็จมาแล้ว
ก่อนห้วงเวลา 180 วันสุดท้ายที่รัฐบาลจะอยู่ครบเทอม พรรคเพื่อไทยได้จัดงาน 'สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ' เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2565 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดบ้านเกิดของตระกูลชินวัตร
แพทองธาร ขึ้นกล่าวต่อหน้าประชาชนว่า "วันนี้เพื่อไทยจะลั่นกลองสะบัดชัยให้ดังไปทั่วทั้งแผ่นดินเพื่อประกาศให้รู้ว่าพวกเราพร้อมจะดูแลพี่น้องประชาชน ไม่ว่าเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเดือนนี้หรือเดินหน้าเราพร้อมหมดแล้ว เรามีผู้สมัครมากมายทั้งภาคเหนือ มีนโยบายแก้ปัญหาได้ในทุกกลุ่มทุกเพศทุกวัยทุกฐานะ"
การเดินสายลงพื้นที่ของ 'แพทองธาร' เปรียบเสมือนตัวแทน 'ทักษิณ'
เพราะเธอคือดีเอ็นเอ ‘ชินวัตร’ โดยตรงสายเลือดแท้ของอดีตนายกฯ
ความคิด จิตวิญญาณ การต่อยอดจากผู้เป็นพ่อที่เคยพิสูจน์ผลงานในอดีตว่าสำเร็จมาแล้ว ย่อมถูกนำมาต่อยอดด้วยยุคสมัยใหม่ผ่านบุตรสาว ‘แพทองธาร’
จึงไม่แปลกที่ผลสำรวจความเห็นเมื่อปี 2565 จะยกให้ ‘แพทองธาร’ ขึ้นเต็ง 1 ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไป
แม้ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย เคยระบุบนเวทีที่ จ.นครศรีธรรมราช ในหัวข้อ “ครอบครัวเพื่อไทย แหลงจริง ทำได้ คนใต้หรอยแรง” เมื่อวันที่11 ธ.ค. 2565 ตอนหนึ่งว่า แพทองธาร เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ แน่นอนตามที่พูดกัน โดยอีก 2 แคนดิเดตนายกฯ รอคณะกรรมการบริหารพรรคประกาศ เพื่อแข่งกับคน2 แบบ คือคนทำนุ้ย (ขี้อ้อน) และคนทำไม่ได้ ดังนั้นขอให้กาพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์
แต่ 'แพทองธาร' ยังคงยืนยันว่า ตนเองจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่อยู่ที่พรรคเพื่อไทยจะหาคนที่เหมาะสมที่สุด แต่ถ้ามีคนเหมาะสมกว่าตนก็ได้ตามที่พรรคเพื่อไทยพิจารณา ยืนยันพรรคเพื่อไทยเปิดรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ 3 รายชื่อแน่นอน
อีกทั้ง แม้ 'แพทองธาร' จะเริ่มตั้งครรภ์ มีลูกชายอีก1 คนและใกล้เข้าสู่โหมดเลือกตั้งในปี 2566 ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นอุปสรรคต่อการหาเสียงให้กับพรรคเพื่อไทย เพราะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยก็ยังลุุยลงพื้นที่ทำกิจกรรมกับพรรคเพื่อไทยอยู่ตลอดจนถึงสิ้นปี 2565
ขณะที่ 'โทนี่ วู้ดซัม' ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐฐมนตรี ก็บอกผ่านรายการ CareTalk x Care ClubHouse เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 65 แพทองธาร บอกว่ากำลังจะมีหลานคนที่ 7 คนที่ไม่ชอบหน้าตน ไม่สงสารตนเหรอ อยากไปเลี้ยงหลานแล้ว หลานกำลังจะ 7 คนแล้ว
แพทองธาร ให้สัมภาษณ์เมื่่อวันที่ 6 ธ.ค. 2565 ว่า การท้องและการมีลูกสำหรับตน คือพลังบวก
"การมีน้องธิธารออกมา เป็นเรื่องดี ๆ สำหรับอิ๊งค์ ซึ่งไม่เป็นอุปสรรคเลย เราวางแผนลงภาคใต้กันแล้ว และคงจะพาลูกไปหาเสียงเลือกตั้งและขึ้นเวทีปราศรัยด้วย จนกว่าคุณหมอจะขอให้พัก" แพทองธาร กล่าว
แม้ไทม์ไลน์การเลือกตั้งอาจจะเกิดขึ้นในเดือน พ.ค. 2566 แต่ 'แพทองธาร' ยืนยันจะทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยให้ดีที่สุด
และเป็นไปได้ว่า 'หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย' จะเดินสายหาเสียงจนถึงช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง
ขณะเดียวกัน ช่วงเทศกาลปีใหม่ พรรคเพื่อไทยยังได้ระดมติดแผ่นป้ายหาเสียงทั่วประเทศเพื่อนำเสนอนโยบายหลัก 8 ด้าน ประกอบด้วย
1.ค่าแรงขั้นต่ำ 600บ./วัน ปริญญาตรี 25,000 บ./เดือน ภายในปี 2570
2.เพื่อไทยมายาเสพติดหมดไป คืนชีวิตปลอดภัยให้ประชาชน
3.ยกระดับ 30 บาท บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทั่วไทย จองคิวได้เร็ว วัคซีนมะเร็งปากมดลูกฟรี ซึมเศร้าใกล้บ้านรักษาฟรี
4.เพื่อไทยเป็นรัฐบาล ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ลดราคาทันที
5.ราคาพืชผลเกษตรขึ้นยกแผง เพื่อไทยเคยทำได้และจะทำอีก
6.อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทุกหมู่บ้าน สร้าง Blockchain สัญชาติไทย ค้าขายออนไลน์สร้างรายได้ใหม่ให้ครอบครัว
7.เร่งสร้างคนทำงานทักษะสูง สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง รายได้ไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท/ปี
8.นโยบายดีๆ ใครก็พูดได้ แต่พรรคที่ทำได้และทำเป็น คือ เพื่อไทย
นโยบายทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้ ในศักราชใหม่ ปี 2566 ซึ่งเป็นปีแห่งการเลือกตั้งใหญ่ ที่คนไทยทั้งประเทศจำเป็นที่จะต้องได้นายกฯ คนใหม่ ไม่ใช่คนหน้าเก่า
แบรนด์ 'เพื่อไทย' เคยทำได้มาในอดีต และหากแลนด์สไลด์มากๆ โอกาสผลักดันนโยบายทั้ง 8 ด้านก็น่าจะไปได้ไม่ยาก
ส่วนแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย 3 คนประกาศแน่นอนทันทีที่มีสัญญาณการเลือกตั้งเริ่มดังขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง