คุณากร ปรีชาชนะชัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดสุรินทร์ รองเลขาธิการ และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลได้ประกาศจะลงทะเบียนบัตรคนจนเพิ่มเป็น 20 ล้านใบ ทำเหมือนกับภูมิใจที่จะแจกบัตรคนจน 20 ล้านคน ทั้งที่ความจริงการที่มีคนจนเพิ่มเป็น 20 ล้านคนจนต้องแจกบัตรคนจนเพิ่มน่าจะหมายถึงความล้มเหลวในการบริหารประเทศของพลเอกประยุทธ์ ที่ทำให้คนจนเพิ่มขึ้น ไม่ได้ทำให้คนจนหมดไป เหมือนที่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีต รองนายกฯ ได้เคยประกาศไว้ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์
ทั้งนี้ ตลอด 7 ปีที่พลเอกประยุทธ์บริหารประเทศคนจนได้เพิ่มขึ้นมาตลอด สวนกระแสกับโลกที่คนจนลดลงเรื่อยๆ โดยธนาคารโลกบอกเองว่า 30 ปีก่อนหน้านี้ ประเทศไทยคนจนลดลงตลอด แต่หลังจากพลเอกประยุทธ์ปฏิวัติปรากฏว่าตั้งแต่ ในช่วงระหว่างปี 2558-2561 คนจนในไทยกลับเพิ่มมากขึ้น เพิ่มขึ้น 1.85 ล้านคนและต่อมา ปี 62 คนจนก็เพิ่มขึ้นอีกตามที่สภาพัฒน์รายงานเพราะเศรษฐกิจขยายได้เพียง 2.4% ซึ่งคนจนของไทยเพิ่มตั้งแต่ก่อนมีวิกฤตไวรัสโควิดแล้ว และพอปี 2563 และ 2564 ต้องมาเจอกับวิกฤตการณ์ไวรัสโควิดซ้ำเติมอีก คนจนจึงยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีกมาก และยังไม่มีแนวทางที่พลเอกประยุทธ์จะทำให้คนจนหมดไปตามที่พูดไว้ได้เลย
ทั้งนี้ หากมองรายได้ของคนแต่ละกลุ่มจะพบว่าเกษตรกรไทยรายได้ลดต่ำมาตลอด 7 ปี ราคาข้าวตกต่ำมาตลอดและมาตกต่ำสุดในปี 2564 ที่ราคาข้าวยังถูกกว่าราคามาม่าด้วยซ้ำ และค่าแรงขั้นต่ำของผู้ใช้แรงงานก็แทบจะไม่ขึ้นเลย แม้พรรคพลังประชารัฐจะหาเสียงไว้ที่วันละ 400-425 บาท ยังไม่สามารถทำได้จริง แถมเมื่อถูกถามพลเอกประยุทธ์กลับตอบว่าจะเอาเงินที่ไหน ทั้งที่ค่าแรงขั้นต่ำนายจ้างเป็นคนจ่ายไม่ใช่รัฐจ่าย อีกทั้งล่าสุดยังได้มีการประกาศรับสมัครครูที่เงินเดือนเพียงเดือนละ 5,000 บาทเท่านั้น ซึ่งไม่น่าจะอยู่ได้ นอกจากนี้ธุรกิจย่ำแย่และปิดตัวกันมาก โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว ทำให้คนตกงานจำนวนมาก ตอนนี้คนตกงานน่าจะมีถึง 4-5 ล้านคนแล้ว อีกทั้งตอนนี้ยังต้องมาเจอภาวะเงินเฟ้อ ของแพง ที่รัฐบาลคุมไม่ได้ จึงทำให้หนี้ครัวเรือนพุ่งกระฉูดกว่า 14.27 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าพลเอกประยุทธ์ยิ่งบริหาร คนไทยยิ่งจนลง คนจนยิ่งเพิ่มขึ้นจนต้องแจกบัตรคนจนถึง 20 ล้านใบแล้ว ซึ่งนอกจากการบริหารของพลเอกประยุทธ์จะทำให้ข้าวของ “แพงทั้งแผ่นดิน” แล้วยังทำให้ประชาชน “จนทั้งแผ่นดิน” ด้วย
ตลอดเวลาที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์คิดได้เพียงการแจกเงิน และจะพยายามโปรโมทด้วยความดีใจว่าจะมีโครงการ “คนละครึ่ง” วันโน้น วันนี้ “เที่ยวด้วยกัน” กี่สิทธิ์ “ช้อปดีมีคืน” “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ซึ่งเป็นแค่การหลอกล่อให้คนดีใจชั่วคราวกันเท่านั้น แต่ไม่ได้แก้ไขปัญหาของความยากจนแบบยั่งยืน รวมถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการพัฒนาของประเทศ เนื่องจากไม่เกิดการจ้างงาน หรือ ไม่ได้สร้างงานเพิ่มขึ้นเลย คนถึงได้ตกงานกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเด็กจบใหม่ ดังนั้นต้องเลิกแจกเงินและหันมาสร้างงานได้แล้ว ก่อนคนตกงานจะพุ่งมากขึ้นมากกว่านี้ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาทางสังคมและอาชญากรรมตามมาอีกมาก