ไม่พบผลการค้นหา
'เรืองไกร' ร้องผู้ตรวจการแผ่นดินส่งศาลปกครองวินิจฉัย กกต. กระทำการขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เหตุยกเว้นตรวจสอบคุณสมบัติ 'ประยุทธ์' ชี้ปมถือหุ้นสื่อไม่เข้าข่ายใบส้ม จี้ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติว่าที่ ส.ส.ทุกคน ไม่ต้องรอให้มีคนมาร้อง

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา และอดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้พิจารณาเสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลปกครองว่า กฎ คำสั่ง และการกระทำของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายหรือไม่

นายเรืองไกร กล่าวว่า ได้นำข่าวของสำนักงาน กกต. เมื่อวันที่ 23 เม.ย. และหนังสือที่ ลต 0019/2552 ลงวันที่ 17 มี.ค. 2562 พร้อมคำสั่งศาลฎีกา จำนวน 10 ฉบับ ยื่นพร้อมคำร้องให้ผู้ตรวจการพิจารณา โดยคำสั่งศาลฎีกา ระบุความหมายของการห้ามเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ซึ่งมีความหมายทั้งการเป็นเจ้าของที่ไม่ใช่ในรูปแบบนิติบุคคล และการเป็นผู้ถือหุ้นในนิติบุคคล ขณะที่ความหมายของสื่อมวลชนใดๆ หมายรวมถึงสื่อมวลชนในทุกรูปแบบ ทั้งวารสาร วิทยุ วิทยุโทรทัศน์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ เว็บไซต์และสื่อออนไลน์อื่นๆที่เปิดขึ้นมาโดยการตั้งค่าสาธารณะเพื่อสื่อสารกับสาธารณชนด้วย

ซึ่งการที่ กกต. ไม่รับเรื่องคุณสมบัติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ที่อาจขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) จากการที่พล.อ.ประยุทธ์เปิดช่องทางการสื่อสารกับสาธารณชนในรูปแบบเป็นเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรมและเว็บไซต์นั้นไว้พิจารณา จึงไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่ กกต.เคยฟ้องคดีกับผู้สมัครส.ส.และส.ว.ก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกัน กกต.กลับวินิจฉัยว่ากรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับ 1 เข้าข่ายขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 วงเล็บ 3 จึงร้องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลปกครอง ว่าการกระทำของ กกต.อาจมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย

นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า กรณีการถือหุ้นสื่อนี้อาจไม่เข้าข่ายการให้ใบส้มจาก กกต. หากมีการตีความจนนำไปสู่การให้ใบส้มจริง จะทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย เพราะฝ่ายนิติบัญญัติทั้งส.ส.และส.ว.อาจติดคุณสมบัติในเรื่องนี้ซึ่งมีจำนวนเกินครึ่งสภา ซึ่งรวมถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับที่ 1 และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่ถือหุ้นอยู่ในมือจำนวนมาก ซึ่งอาจเกิดปัญหาเช่นเดียวกัน 

การเขียนกฎหมายในเรื่องนี้ไว้จึงกำลังสร้างความวุ่นวาย ซึ่งควรมีการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันขอเรียกร้องให้ กกต.ใช้อำนาจตามมาตรา 127 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2561 ตรวจสอบคุณสมบัติว่าที่ส.ส.ทุกคนจากทุกพรรคอย่างเท่าเทียมกัน ก่อนประกาศผลรับรองส.ส.ในวันที่ 9 พ.ค. มนี้ ไม่ต้องรอให้มีบุคคลใดมายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ กกต.เท่านั้น