พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีการปรับลดงบประมาณกองทัพบกช่วยเหลือรัฐบาล ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ว่า ภาพรวมกระทรวงกลาโหมได้มอบให้หน่วยขึ้นตรงและเหล่าทัพดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล โดยได้ชะลอโครงการใหม่ที่เป็นงบประมาณผูกพันในปี 2563 และยังไม่ได้ทำสัญญา นอกจากนี้หากโครงการใดมีการทำสัญญาในปีงบประมาณ 2563 แล้ว จะตัดลดงบประมาณลงร้อยละ 50

จากการปรับลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม 18,000 ล้านบาท ถือเป็นหน่วยงานที่โอนงบประมาณเข้างบกลางมากที่สุด และเป็นงบของกองทัพบกเกินกว่าร้อยละ 50 คือประมาณเกือบหมื่นล้านบาท โดยชะลอ 4 โครงการใหญ่ ที่ยังไม่ผูกพันงบประมาณ เช่น การจัดซื้อปืนใหญ่ เรดาห์ และชะลอโครงการย่อยอีก 26 โครงการ ส่วนโครงการสไตรเกอร์ ถือเป็นโครงการผูกพันงบประมาณ และต้องใช้งบฯ ปี 2563 จำนวน 900 ล้านบาท จึงต้องปรับลดลงร้อยละ 50 เหลือเพียง 450 ล้านบาท 

ทั้งนี้โครงการจัดหารถยานเกราะสไตรเกอร์ เป็นการจัดหาตามโครงการช่วยเหลือทางทหาร จำนวนกว่า 100 คัน และเป็นโครงการที่ไม่ได้ซื้อเฉพาะตัวรถ แต่ยังรวมถึงการฝึกสอน ชิ้นส่วนอะไหล่ โรงเรืิอน โรงซ่อม และยังได้กระสุนเพิ่ม และจากความสัมพันธ์อันดีนี้ ทางสหรัฐฯ ยังช่วยรับนักเรียนไทยในสหรัฐฯ กับประเทศในช่วงโควิด-19 ด้วย 

ขณะที่ พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ย้ำว่า การตัดลดงบประมาณของกองทัพบกเป็นเรื่องที่พร้อมและยินดีปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงกลาโหมเพื่อนำไปดูแลประชาชน และแม้การปรับลดงบประมาณจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาอำนาจกำลังรบ และกำลังพลของกองทัพบกทำให้โครงการบางโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับยุทโธปกรณ์ สิ่งอุปกรณ์ต่างๆ อาจต้องชะลอเลื่อนระงับ แต่กองทัพบกมีความเข้าใจในความจำเป็นของประเทศ และยินดีที่จะตัดลดงบประมาณ 

โดยกองทัพบกจะบริหารจัดการทรัพยากรที่เหลืออยู่ ให้สามารถดำรงอำนาจกำลังรบในการรักษาอธิปไตยและช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง พร้อมตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการนำเสนอข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อมวลชน และโซเชียลมีเดียในปัจจุบันมีความเปราะบาง หลายความคิดเห็นอยู่บนพื้นฐานของการมีข้อมูลที่จำกัด และไม่ได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วน หรือบางครั้งมีการนำเอาความคิดเห็น จากแหล่งข่าวที่ไม่ปรากฏมานำเสนอ ซึ่งประเด็นเหล่านี้อาจสร้างความสับสนให้กับสังคม ยิ่งในขณะนี้อยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด19 และประชาชนมีความยากลำบากในการดำเนินชีวิต