ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย จิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี และ ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวเรื่อง การขออนุมัติงบประมาณเพื่อจัดซื้อเรือดำน้ำ ของกองทัพเรือ พร้อมนำ "เอกสารลับ" จากกองทัพเรือและกระทรวงกลาโหม ที่ชี้แจงต่อคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ในคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2564 ประกอบการแถลงข่าวด้วย
ยุทธพงศ์ กล่าวว่า การจัดซื้อเรือดำน้ำมีความไม่ชอบมาพากลและมีข้อกังขาตั้งแต่ต้น และจากเอกสารที่ได้มานั้นชัดเจนว่า ไม่ใช่การซื้อเรือดำน้ำแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี เนื่องจากผู้ลงนามคือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เมื่อครั้งมีตำแหน่งเป็นเพียงเสนาธิการทหารเรือ และไม่มีหนังสือมอบอำนาจจากรัฐมนตรี หรือมติ ครม.แต่อย่างใด ดังนั้น พล.ร.อ.ลือชัย จึงไม่ใช่ตัวแทนรัฐไทย
ขณะเดียวกันพบว่าไม่ใช่การซื้อแบบ 2 แถม 1 ตามที่นายกรัฐมนตรีออกมาให้ข่าวเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2560 เพราะเป็นการซื้อเรือทั้งสิ้น 3 ลำๆละประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ไม่นับค่าอุปกรณ์เสริม, เรือขนส่ง, การสร้างท่าเรือหรือการทำแผนที่และส่วนสนับสนุนอื่นๆ ที่ต้องใช้เงินอีกกว่าหมื่นล้านบาท และในสัญญาที่ลงนามตั้งแต่ต้น ที่นอกจากไม่ได้เป็นแบบจีทูจีและต้องเป็นโมฆะแล้ว ยังไม่ได้มีผลผูกพันว่าไทยจะต้องซื้อทั้ง 3 ลำจากจีนแต่อย่างใด
ยุทธพงษ์ เปิดเผยว่า จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ กมธ.งบปี 2564 ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ หาก กมธ.ชุดใหญ่ไม่รับฟังหรือดึงดันให้ผ่าน โดยรัฐไทยต้องซื้อเรือดำน้ำทั้ง 3 ลำนั้น ตนก็จะเสนอให้ลงมติรายบุคคลทั้ง 72 คน เพื่อเปิดชื่อให้ประชาชนทราบ ว่า ส.ส.คนไหนบ้างที่เห็นว่าการซื้อเรือดำน้ำ สำคัญกว่าความเดือนร้อนของประชาชนจากปัญหาเศรษฐกิจ และหากฝ่ายตนลงมติแพ้ใน กมธ.งบปี 64 จะเดินหน้าฟ้องประชาชนต่อไป หากผู้มีอำนาจยังดึงดัน ตนก็จะเชิญชวนประชาชนให้ไปร่วมชุมนุมกับขบวนการเยาวชนนักศึกษาให้มากที่สุด พร้อมย้ำฉายา พล.อ.ประยุทธ์ ว่า "นายกรัฐมนตรีไทย หัวใจเรือดำน้ำจีน"
ครูมานิตย์ กล่าวว่า ในการประชุม อนุ กมธ.ครุภัณฑ์ ที่ผ่านมาแล้วลงมติแพ้ แต่ก็ได้ตั้งข้อสังเกตและให้บันทึกไว้ว่า จะนำข้อมูลและประเด็นนี้ ไปอภิปรายในสภาทั้งวาระ 2 และวาระ 3 ในการผ่านร่างงบประมาณปี 2564 และจะใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในอนาคตด้วย ทั้งนี้ ครูมานิตย์ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การลงมติของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเหมือนมีใบสั่งและรู้สึกเห็นใจทุกคน ที่ต่างอภิปรายว่าไม่เห็นด้วยกับการซื้อเรือดำน้ำ แต่พอลงมติจริงผลกลับเป็นอีกอย่าง และได้เห็น สุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ฯ ที่ต้องใช้เวลาทำใจเรา 20 นาที ก่อนออกเสียงลงมติด้วยหลังจากมติในที่ประชุมอนุ กมธ.คุรุภัณฑ์เสมอกัน กระทั่ง สุพล ลงมติให้ผ่านการซื้อเรือดำน้ำได้ในที่สุด
อ่านเพิ่มเติม