ไม่พบผลการค้นหา
เครือข่ายภาคประชาชน แจง กกต. กรณีร้องศาล รธน.ยุบพรรคพลังประชารัฐ เหตุยินยอมรับ 'สิระ' เป็น ส.ส. ขัดต่อกฎหมาย ด้าน 'เอกชัย' เผยมีไม้สอง จ่อฟ้อง 'ประวิตร' ครอบงำพรรคเศรษฐกิจไทย

ที่สำนักงานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เครือข่ายนักกิจกรรมทางการเมือง ประกอบด้วย อติเทพ ธิติพนธ์ เอกชัย หงส์กังวาน และ วรรณวลี ธรรมสัตยา หรือ ตี้ พะเยา เดินทางมาให้ถ้อยคำและแสดงพยานหลักฐานประกอบคำร้องต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่ได้ทำหนังสือร้องเรียนต่อ กกต. ขอให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อมีคำสั่งให้ยุบพรรคพลังประชารัฐ เมื่อ 27 ธ.ค. 2564 ที่ผ่านมา 

อติเทพ ธิติพนธ์ ระบุว่า คำร้องขอยุบพรรค พปชร. สืบเนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยสมาชิกภาพของ สิระ เจนจาคะให้สิ้นสุดลงตามมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (10) ซึ่งมีสาเหตุอันเชื่อได้ว่ามาจากการดำเนินการของพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงกรรมการบริหารพรรคได้กระทําการอันผิดกฎหมาย ขาดความรอบคอบ ขาดความซื่อสัตย์สุจริต และขาดความมีคุณธรรมจริยธรรม ขัดต่อรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 เป็นเหตุให้ประเทศชาติได้รับความเสียหาย จึงขอให้สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ดําเนินคดีตามกฎหมายและ/หรือยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคพลังประชารัฐ เป็นการเร่งด่วน

18531.jpg

อย่างไรก็ตาม ณ เวลาที่พรรคพลังประชารัฐยื่นรายชื่อ สิระ เข้ารับตำแหน่ง ส.ส. นั้น หัวหน้าพรรคในเวลานั้นที่ลงนามยินยอมคือ อุตตม สาวนายน และอดีตรัฐมนตรี ซึ่งอาจไม่ได้ยึดโยงกับหัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน อติเทพ กล่าวว่า ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญและการดำเนินการของ กกต. 

ด้าน วรรณวลี เปิดเผยอีกประเด็นในคำร้องว่า เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ สิระ ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ตั้งแต่แรกรับตำแหน่ง ดังนั้นทุกคำพูดและการกระทำของ สิระ ตลอดระยะเวลาการเป็น ส.ส. ในสภาผู้แทนราษฎร จึงควรถือว่าเป็นโมฆด้วย เพราะถือว่า สิระ ไม่มีคุณสมบัติในการใช้อำนาจ ส.ส. ตั้งแต่แรก

นอกจากนั้น วรรณวลี ยังกล่าวว่า แม้พวกตนจะไม่ได้มายื่นคำร้องในวันนี้ แต่เชื่อได้ว่าต่อไปจะต้องมีประชาชนกลุ่มอื่นมายื่นแทนแน่นอน 

ขณะที่ เอกชัย หงส์กังวาน กล่าวว่า นอกจากคำร้องนี้แล้ว ตนยังได้เคยยื่นคำร้องต่อ กกต. ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อออกคำสั่งยุบพรรคพลังประชารัฐมาเมื่อปลายเดือนที่แล้ว เนื่องจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯ และรองนายกรัฐมนตรี ได้กระทำการอันเข้าข่ายครอบงำพรรคการเมืองอื่น อันได้แก่พรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งความผิดข้อนี้จะนำไปสู่การยุบพรรคเศรษฐกิจไทย ประกอบกับความผิดของ พล.อ.ประวิตร ผู้เป็นหัวหน้าพรรคฯ ที่ครอบงำพรรคการเมืองอื่น ขัดต่อมาตรา 29 ก็จะนำไปสู่การยุบพรรคพลังประชารัฐด้วย