นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงถึงภาพรวมการใช้แพลตฟอร์ม "ไทยชนะ" ว่า มียอดผู้ประกอบการ กิจการและธุรกิจมาลงทะเบียน 73,295 ร้าน มีผู้มาใช้งานจำนวน 6,333,746 คน เช็กอิน 11,570,610 ครั้ง เช็กเอาท์ 8,652,113 ครั้ง ประเมินร้านค้าที่ใช้บริการแพลตฟอร์ม "ไทยชนะ" 5,200,209 ครั้ง ผู้มาใช้บริการส่วนใหญ่ให้คะแนนประเมิน 5 คะแนน
โดยในจำนวนของผู้ที่มาลงทะเบียน มีเจ้าหน้าที่ไปสุ่มตรวจ 21,697 ร้าน พบมีผู้ประกอบการปฎิบัติไม่ครบ 31 ร้าน ส่วนใหญ่ปัญหาที่พบคือ ไม่มีการเว้นระยะห่าง ร้อยละ 53.2
สำหรับเรื่องร้องเรียนจากสายด่วน 191, 1599, และ 1138 เรื่องที่พบมากที่สุดคือ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งต้องขอบคุณผู้ร้องรียน ที่ช่วยเป็นหู เป็นตา สอดส่องความเรียบร้อย สำหรับสถานที่ที่มีการร้องเรียนมากที่สุด คือ ร้านอาหาร รองลงมา คือ ร้านเสริมสวย ร้านค้าปลีก/ย่อยและสนามกีฬาตามลำดับ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึง การตั้งข้อสังเกตเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลทั้งส่วนตัวและธุรกิจของผู้ลงทะเบียนแพลตฟอร์ม "ไทยชนะ" ว่า ข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งไปยังกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยจะเก็บข้อมูลไว้เป็นเวลา 60 วัน ก่อนจะลบทิ้ง และข้อมูลนี้จะไม่ถูกเปิดเผย ขณะที่ ผู้ใช้บริการ หากไม่ต้องการลงทะเบียนแพลตฟอร์ม "ไทยชนะ" จะต้องใช้วิธีจดข้อมูลชื่อและรายละเอียดไว้ ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
ส่วนสาเหตุที่ต้องลงทะเบียนและเก็บข้อมูลจำนวน 60 วัน เนื่องจากเคยพบข้อมูลประวัติการติดเชื้อถึง 4 ช่วงเวลาติดต่อกัน และกรณีการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ในวันนี้ (21 พ.ค.) ไปใช้บริการรที่ร้านตัดผม จะทำให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบตามหาข้อมูลของบุคคลที่อยู่ในความเสี่ยงจากแพลตฟอร์ม "ไทยชนะ" ได้ง่ายกว่าการต้องไปติดตามแบบปกติที่ไม่มีการลงทะเบียน ที่สำคัญคือจะเพิ่มขีดความสามารถในการควบคุมได้อย่างรวดเร็วและง่าย ดังนั้น แพลตฟอร์มดังกล่าวจะถูกใช้งานเพื่อการควบคุมโรคเท่านั้น ไม่ใช่การตรวจสอบเรื่องธุรกิจหรือการเงิน
โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย จำนวนผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 3,037 ราย จำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วรวม 2,897 ราย หลังหายป่วยเพิ่มขึ้น 9 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 84 ราย ขณะที่ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 56 ราย
ผู้ป่วยรายใหม่ 3 รายนั้น รายแรก เป็นชายไทย อายุ 72 ปี มีโรคประจำตัว เบาหวาน มะเร็งปอด ไปรักษาที่ รพ.รัฐแห่งหนึ่งในกทม. มีประวัติไปตัดผมที่ร้านแถวประชาชื่น ต่อมาวันที่ 18 พ.ค. มีไข้ ไอมีเสมหะ จึงไปรับการรักษาที่ รพ.เอกชน และย้ายมาที่ รพ.รัฐเดิมที่รักษาตัวอยู่ในวันที่ 20 พ.ค.
รายที่ 2 เป็นชายชาวเยอรมัน อายุ 42 ปี ไม่มีโรคประจำตัวและไม่มีอาการ มีประวัติเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ จ.ชัยภูมิ ตั้งแต่ 30 เม.ย.-16 พ.ค. โดยวันที่ 8 พ.ค. มีญาติ 1 คน มีอาการไข้ คอแห้ง แต่ไม่ได้ตรวจรักษา เดินทางไปห้างสรรพสินค้าใน จ.ชัยภูมิ หลังจากกลับมาได้ไปตรวจสุขภาพ ก่อนเข้าทำงาน และตรวจพบเชื้อวันที่ 18 พ.ค.
รายที่ 3 เป็นหญิงไทย อายุ 25 ปี ไปเรียนภาษาและกลับจากประเทศฟิลิปปินส์ เข้าพัก State Quarantine วันที่ 13 พ.ค. และ ตรวจพบเชื้อ วันที่ 19 พ.ค. โดยไม่มีอาการ